เอสซีบี อบาคัสชี้พันธมิตรข้าม อุตฯหนุนนวัตกรรม
เอสซีบี อบาคัส ชี้พันธมิตรข้ามอุตสาหกรรมช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมการเงินอนาคต เล็งผนึกกำลังกับสถาบันการเงินอื่นๆ และอ้าแขนรับนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investors) เพื่อการขยายธุรกิจทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) ให้มุมมองงาน “Nikkei Global Management Forum” ครั้งที่ 22 ในหัวข้อ อนาคตของนวัตกรรมธุรกิจการเงินในยุคหลังวิกฤตโควิด-19 ว่า การระบาดของโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดผลกระทบในหลายเรื่อง ซึ่งส่งผลให้บริษัท รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลกในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อปกติ และผู้ให้บริการสินเชื่อบนระบบดิจิทัล มีความระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะตระหนักดีว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโรคระบาด
อย่างไรก็ดี เอสซีบี อบาคัส เล็งเห็นโอกาสจากผลกระทบเชิงบวกที่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีการปรับตัวในช่วงวิกฤตโดยมีการพึ่งพาช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้แพลตฟอร์มบริการสินเชื่อดิจิทัลเต็มรูปแบบของบริษัท เอสซีบี อบาคัส ซึ่งเป็นรายแรกของประเทศไทยโดยใช้ข้อมูลทางเลือกในการพิจารณาสินเชื่อ สามารถให้บริการกลุ่มเป้าหมายองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแบบปกติได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ที่ผู้เล่นแบบเดิมๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้ในไทย ท่ามกลางกระแสท้าทายที่หลายอุตสาหกรรมต้องเผชิญในรอบกว่าทศวรรษนั่นคือการแพร่ระบาดของโควิด -19
“ธุรกิจฟินเทคเติบโตรวดเร็ว และมีเป้าหมายในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้สร้างประโยชน์กับเจ้าของข้อมูลเอง โดยเฉพาะเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินให้เร็ว ง่าย และเป็นธรรม หลายคนถูกปฏิเสธเงินกู้จากธนาคาร เพราะเป็นผู้ทำงานอิสระหรือทำธุรกิจส่วนตัว ไม่มีสลิปเงินเดือนหรือหลักฐานที่ธนาคารต้องการ แต่คนกลุ่มนี้มีรายได้และความสามารถในการจ่ายเงิน บริษัท เอสซีบี อบาคัส จึงได้ริเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชัน “เงินทันเด้อ” เพื่อนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาพิจารณาให้สินเชื่อโดยใช้ข้อมูลทางเลือกเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้”
โดยปกติ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการสมัครขอสินเชื่อจากธนาคาร จะต้องมีผลการดำเนินงานมาแล้ว 3-4 ปีเพื่อให้ธนาคารทราบถึงกระบวนการจัดการ ตลอดจนแผนธุรกิจ เพื่อนำมาวิเคราะห์เครดิต ขณะที่ เอสซีบี อบาคัส วิเคราะห์ข้อมูลทางเลือกที่มาจากคู่ค้าด้านการขนส่ง การค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และโทรคมนาคม ตลอดจนข้อมูลทางเลือกอื่นๆ เข้าสู่อัลกอริทึมเพื่อพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้าได้ภายใน 15 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดในวงการสินเชื่อดิจิทัลของประเทศไทย
“เราพบว่าเอสเอ็มอีมองการบริการสินเชื่อที่รวดเร็วและสะดวกเป็นเรื่องสำคัญกว่าดอกเบี้ย เราเองตระหนักว่าตลาดกลุ่มนี้ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่เทคโนโลยีสามารถเข้าไปมีส่วนช่วย ซึ่งเอสซีบี อบาคัส โชคดีที่ได้เริ่มให้บริการก่อนที่วิกฤตโควิด-19 จะเกิดขึ้น จึงทำให้แอปพลิเคชันเงินทันเด้อ ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า”
ดร.สุทธาภา กล่าวทิ้งท้ายว่า เทคโนโลยี AI ในธุรกิจการเงินในอนาคตจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรข้ามอุตสาหกรรม (cross-industry partnership) ซึ่งปัจจุบันทางบริษัทได้จับมือกับพันธมิตรจากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เทเลคอม และบริษัทขนส่งเพื่อร่วมกันสร้างบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่ทั่วถึงและเป็นธรรมให้กับลูกค้า และยังสามารถนำเทคโนโลยี credit scoring และ fraud detection ที่ทางบริษัทพัฒนาไปต่อยอดในธุรกิจอื่น ๆ ของ partner ได้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดโอกาสทำงานร่วมกับสถาบันการเงินอื่นๆ รวมทั้งมองหานักลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investors) ที่มีความพร้อมในเรื่องเครือข่ายและเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของเอสซีบี อบาคัส ได้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้