สตง.เผย! สอบตกยก 9 จ.เหนือ จี้!เร่งรับมือไฟป่า-หมอกควันพิษ
สตง.ปูดปมแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ เผย! ผลสุ่มตรวจ 9 จ.ภาคเหนือ ทั้งแผนรับมือ “หมอกควัน – ไฟป่า” ของหน่วยงานรัฐ ทั้งฝ่ายปกครองและอปท. สอบตกยกก๊วน! แนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ดึงเทคโนโลยีช่วย! พร้อมเร่งป้องกัน-แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า จากปัญหาค่าความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศมีระดับสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนนั้น ปัญหาหมอกควันนับว่าเป็นสาเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรอย่างรวดเร็วและวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ระหว่างเดือน ม.ค. – พ.ค.ของทุกปี
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าวฯ จึงได้ตรวจสอบการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จ. คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน และตาก โดยเลือกตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 แห่ง ที่มีการสนับสนุนงบประมาณให้กับชุมชนหรือเครือข่ายเพื่อดำเนินการสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และ ตรวจสอบการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในช่วงระหว่างปีงบประมาณ 2554 – 2558 รวมถึงตรวจสอบผลการดำเนินงานตามประเด็นการตรวจสอบอีกครั้งในช่วงระหว่างปีงบประมาณ 2559 – 2562
โดยพบว่า…หน่วยงานที่รับผิดชอบยังขาดการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของชุมชนหรือเครือข่ายที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน ดังนี้
1. ขาดการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าเพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการวางแผนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยพบว่าตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 – 2562 หน่วยงานที่รับผิดชอบแห่งหนึ่งได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,618 เครือข่าย ซึ่งใช้งบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่ายฯ 98.4 ล้าน บาท โดยเป็นเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จ. รวม 1,142 เครือข่าย
จากการสังเกตการณ์ในพื้นที่จังหวัดที่สุ่มตรวจสอบในปี พ.ศ. 2558 พบว่า ยังไม่มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของชุมชนหรือเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการป้องกันและควบคุมไฟป่า และจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานที่รับผิดชอบในปี 2562 พบว่า ยังไม่มีการกำหนดให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าแต่อย่างใด
ทำให้ ขาดข้อมูลสำคัญที่จะนำมาปรับปรุงการดำเนินงานของเครือข่ายหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกและกำหนดกิจกรรมการใช้งบประมาณของเครือข่าย ซึ่งย่อมส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
2. ขาดการสรุปผลข้อมูลในภาพรวมจากการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการวางแผนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า จากการตรวจสอบ พบว่าตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 – 2562 หน่วยงานที่รับผิดชอบอีกแห่งหนึ่งได้ดำเนินการสร้างเครือข่ายในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จ. รวม 790 เครือข่าย โดยเครือข่ายได้รับการสนับสนุนงบประมาณเครือข่ายละ 50,000 บาท จำนวน 542 เครือข่าย
ซึ่งจากการจัดอบรมหรือเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับสมาชิกของเครือข่าย จำนวน 46 รุ่น มีเป้าหมายผู้เข้าร่วมอบรม 4,600 คน รวมถึงการอบรมการสร้างเครือข่าย 60 รุ่น เป้าหมายผู้เข้าร่วมอบรม 2,400 คน แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบ ยังไม่มีการจัดทำรายงานสรุปผลในภาพรวมจากข้อมูลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่าย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการทบทวนผลการปฏิบัติงาน และใช้วางแผนการดำเนินงานในอนาคต
สิ่งนี้…ย่อมส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบและอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสำเร็จในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกต คือ อปท. บางแห่งที่ได้รับการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่ายังขาดความพร้อมและความเข้าใจในการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง ทั้งในด้านการจัดทำแผนงานตามบทบาทหน้าที่ การจัดตั้งงบประมาณ และด้านบุคลากร รวมทั้งความรู้ ความเข้าใจในการดำเนินการตามภารกิจด้านการควบคุมไฟป่า
จึงอาจส่งผลกระทบทำให้การดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ป่าสงวนในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จ.ยังไม่มีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ย้ำว่า สตง. จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาดำเนินการจัดทำระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของเครือข่ายที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับพื้นที่และในส่วนกลางใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผลการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าให้มีประสิทธิภาพ
โดยอาจนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เพื่อให้การรายงานผล และการประมวลข้อมูลจากหน่วยงานในสังกัดแต่ละพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการทบทวนผลการปฏิบัติงาน และใช้ประกอบการวางแผนการดำเนินงานในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการให้งบประมาณสนับสนุนเครือข่าย เพื่อให้การบริหารจัดการและดำเนินกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าของเครือข่ายมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนต่อไป และส่งผลให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น.