คลังสั่งสคร. จี้รสก.เร่งเบิกจ่ายงบลงทุน 95%
“อาคม” สั่ง สคร. บีบรัฐวิสาหกิจ! เร่งรัดเบิงจ่ายงบลงทุนปี’64 และค้างท่อจากปีก่อน รวม 3.2 แสนล้านบาท ย้ำ! ต้องไม่น้อยกว่า 95% โดยเฉพาะโครงการร่วมทุน PPP ที่มีมูลค่าลงทุนสูง หวังเร่งผุดโครงการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ เผย! ปี’59 – 64 รัฐบาลเทงบลงทุนไปแล้ว 1.1 ล้านล้านบาท พ่วงให้รัฐวิสาหกิจจัดทำแผนงานใหม่หลังซมพิษโควิดฯ ควบ 2 ปี เพื่อนำไปจัดทำงบประมาณปี’65
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ว่า ได้หารือและสั่งการให้เรื่องหลักๆ กล่าวคือ เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนในส่วนของรัฐวิสาหกิจในปี 2564 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ของงบลงทุนที่คณะรัฐมนตรี (ครมง) อนุมัติไว้ 2.85 แสนล้านบาท รวมกับงบเหลื่อมปีของปีก่อนอีก 37,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีงบฯเพื่อการลงทุนรวมราว 3.2 แสนล้านบาท
“เป้าหมายในปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หลังจากปี 2563 รัฐวิสาหกิจได้รับผลกระทบจากการจัดทำงบประมาณที่ล่าช้า จนเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนได้เพียงร้อยละ 82 อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เบิกจ่ายไม่ทันปี 2563 สามารถนำมาทบกับงบประมาณเพื่อการลงทุนในปี 2564 ได้” รมว.คลัง ระบุ
นอกจากนี้ ยังขอให้ สคร.เร่งรัดการขับเคลื่อนโครงการสาธารณูปโภคด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นโครงการร่วมทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) ทั้งนี้ นับแต่ปี 2559 – 2563 รัฐบาลได้ใส่งบประมาณเพื่อการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานรวมกันแล้ว กว่า 8.30 แสนล้านบาท และหากรวมกับงบประมาณปี 3563 ที่ผูกพันมาถึงปี 2564 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ คณะกรรมการ PPP อีก 2.47 แสนล้านบาท จะมีงบประมาณเพื่อการนี้ รวมกันเกือบ 1.1 ล้านล้านบาท
ซึ่งบางโครงการฯอาจต้องรอให้กระทรวงต้นสังกัดนำเสนอรายละเอียดต่อคณะกรรมการ PPP โดยมี คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ศบศ. ที่มี นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นประธานฯ คอยติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ โครงการขนาดใหญ่และเป็นโครงการ PPP อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ สคร.เข้าไปเสริมในเรื่องของการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายการลงทุนในส่วนของรัฐวิสาหกิจ ทั้งการลงทุนของรัฐวิสาหกิจเองและโครงการ PPP
นายอาคม ยังกล่าวอีกว่า ตนยังขอให้ สคร.เร่งประสานงานกับรัฐวิสาหกิจ ทั้งที่ได้รับและไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยให้แต่ละรัฐวิสาหกิจ เร่งวิเคราะห์ รวมถึงพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแผนงานใหม่ในปี 2564 และ 2565ไปพร้อมกัน ก่อนเสนอให้กระทรวงการคลังได้พิจารณา เพื่อจะได้เห็นทิศทางปรับตัวว่ารัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะปรับตัวไปในทิศทางใดบ้าง ขณะเดียวกัน แผนงานใหม่นี้ จะมีส่วนให้กระทรวงการคลังได้นำไปพิจารณาประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ด้วย
“โครงการที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังคาดหวังจะเห็นการดำเนินงานที่แล้วเสร็จ กระทั่งเปิดให้บริการแก่ประชาชน มากที่สุด คือ โครงการที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน ฯลฯ โดยขอให้ สคร.เร่งประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นเจ้าของโครงการ และกระทรวงต้นสังกัด เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างโดยเร็ว พร้อมกับเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายตามแผนงานและเป้าประสงค์ที่วางไว้” รมว.คลัง ย้ำ.