ยุโรปติดเชื้อพุ่ง ล็อกดาวน์หลายประเทศ
ในหลายแคว้นของอิตาลีได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 และทำให้ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในวันที่ 6 พ.ย. หลังจากประเทศมียอดผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิตสูงสุด
ในหลายแคว้นของอิตาลีได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 และทำให้ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในวันที่ 6 พ.ย. หลังจากประเทศมียอดผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิตสูงสุด
โดยอิตาลีประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในเวลา 22.00 – 05.00 น. ขณะที่บาร์และร้านอาหารปิดในเวลา 18.00 น. ขณะที่หลายพื้นที่มีมาตการคุมเข้มสูงสุด
ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ‘สีแดง’ คือ แคว้นลอมบาร์ดี ปิเอมงต์ วัลลาเดออสตา และคาลาเบรีย ออกจากที่อยู่อาศัยได้เฉพาะธุระจำเป็น ไปพบแพทย์ หรือไปทำงานเท่านั้น ขณะที่พื้นที่ ‘สีส้ม’ ถูกห้ามให้ออกจากบ้านได้เฉพาะการทำงาน หรือด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ และปิดบาร์ ร้านอาหาร ให้บริการเฉพาะซื้อกลับบ้านและเดลิเวรีเท่านั้น
อิตาลีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 35,505 ราย และผู้เสียชีวิต 445 รายในวันที่ 5 พ.ย. ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 824,879 ราย และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 40,192 ราย อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข
ประเทศเพื่อนบ้านอย่างฝรั่งเศส ก็ประกาศมาตรการคุมเข้มยิ่งขึ้นหลังมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 58,046 รายในวันที่ 5 พ.ย. จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส จนถึงตอนนี้ ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 สูงที่สุดในยุโรปคือ 1.6 ล้านราย
ตั้งแต่ 6 พ.ย.เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้มีบริการเดลิเวรี สั่งกลับบ้าน และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกรุงปารีสในระหว่างเวลา 22.00 – 06.00 น.
“ การระบาดระลอกสองเกิดจากเรา และมันโหดร้าย” โอลิวิเยร์ เวรอง รมว.สาธารณสุขฝรั่งเศสระบุในการแถลงข่าวในวันที่ 6 พ.ย. หากไวรัสยังคงแพร่ระบาดในอัตรานี้ เขาเน้นว่า “ การระบาดระลอกสองอาจเลวร้ายลงและยาวนานขึ้น” กว่าระลอกแรก และอาจยาวนานไปจนถึงกลางเดือนธ.ค. กว่าจะทรงตัว
เวรองขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ถ้าไม่เช่นนั้น มีความเสี่ยงสูงที่อัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในช่วงกลางเดือนพ.ย.
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ไคเรียคอส มิตโซทาคิส นายกรัฐมนตรีของกรีซประกาศว่า กรีซจะเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศนาน 3 สัปดาห์ตั้งแต่ 7 พ.ย. หลังจากรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 10,000 รายใน 5 วัน
ประชาชนจำเป็นต้องรายงานทางการก่อนออกจากบ้านและโรงเรียนมัธยมปิดทำการเรียนการสอน
ขณะที่เดนมาร์กจะประกาศมาตรการคุมเข้มรอบใหม่ใน 7 เขตเทศบาล หลังจากมีรายงานการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาที่เชื่อมโยงกับตัวมิงก์ อ้างอิงจากข้อมูลของทางการ การกลายพันธุ์ของไวรัส ทำให้อาจมีการแพร่เชื้อจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กมาสู่คน
จากประเด็นการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา ทำให้ต้องมีการฆ่ากำจัดตัวมิงก์ทั้งหมดทั่วประเทศ จากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
คาเฟ่และผับในเดนมาร์กจะปิดตั้งแต่ 7 พ.ย. รวมทั้งกีฬาในอาคาร ศูนย์วัฒนธรรมและบริการขนส่งสาธารณะ และประชาชนควรเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่เหล่านั้น
ขณะเดียวกัน รมว.ต่างประเทศอังกฤษคือโดมินิก ราบบ์ และสเตฟาน ลอฟเวน นายกรัฐมนตรีสวีเดนต่างต้องกักตัวเองหลังทราบผลการตรวจของคนใกล้ชิดในวันที่ 5 พ.ย.
ในสัปดาห์นี้ สวีเดนประกาศมาตรการคุมเข้มเพิ่มอีกใน 3 พื้นที่ รวมทั้งการจำกัดจำนวนการอยู่รวมกันในบาร์และร้านอาหารไม่เกิน 8 ราย
ออสเตรียและโปแลนด์รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. โดยออสเตรียประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบสองในสัปดาห์นี้ รวมถึงมาตรการเคอร์ฟิวในเวลา 20.00 – 06.00 น.
ขณะที่นอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อต่ำที่สุด มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข
ทางกระทรวงขอให้ประชาชนอยู่บ้านให้มากที่สุดตั้งแต่ 7 พ.ย. มีการปิดบาร์และร้านอาหารในเวลาเที่ยงคืนและมีการเรียนออนไลน์มากขึ้น
นายกรัฐมนตรีเออร์นา โซลเบิร์กเตือนว่าเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก โดยเสริมว่า เราต้องทำตอนนี้เพื่อเลี่ยงการชัทดาวน์เหมือนในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ขอให้ประชาชนอยู่บ้านให้มากที่สุดตั้งแต่ 7 พ.ย. มีการปิดบาร์และร้านอาหารในเวลาเที่ยงคืนและมีการเรียนออนไลน์มากขึ้น