EIC คาดสหรัฐฯตัดสิทธิGSP กระทบส่งออก0.2%
SCB EIC ระบุ สหรัฐฯตัดสิทธิGSPสินค้าไทย กระทบส่งออกเพียงแค่ 0.2% ต่อมูลค่าการส่งออกรวม และทำให้มีต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3.1% กระทบต่อยอดขายไม่มาก
United States Trade Representative (USTR) ได้ประกาศตัดสิทธิ GSP กับสินค้าไทยเพิ่มเติม 231 รายการ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2020 เป็นต้นไป หลังจากที่ได้มีการยกเลิกสิทธิ GSP ในรอบแรกซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วกับสินค้าไทย 573 รายการ (คิดเป็น 0.5% ของมูลค่าการส่งออกรวม) เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2020
EIC ธนาคารไทยพาณิชย์คาดผลกระทบที่เกิดจากการตัดสิทธิ GSP ในรอบล่าสุดต่อการส่งออกไทยในภาพรวมจะมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก 1) สินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ที่จะถูกตัดสิทธิ GSP คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 0.2% ต่อมูลค่าการส่งออกรวม และ 2) สินค้าที่จะโดนตัดสิทธิ GSP จะมีต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 3.1% ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายไม่มากนัก
หากวิเคราะห์โดยละเอียดจาก GSP utilization rate, อัตราภาษีที่จะมีการเก็บเพิ่ม และมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ของแต่ละสินค้า พบว่าสินค้าที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบสูง ได้แก่ ผักดองเปรี้ยว, ผักแห้ง, ไฟประดับต้นคริสมาสต์, ปิโตรเรซิน, ซิลิคอน, ภาชนะอะลูมิเนียมทรงกระบอก, โลหะสำหรับยึดและติดตั้ง, ประแจ และตะปูควง
แม้ว่าผลกระทบจากการโดนตัดสิทธิ GSP เพิ่มเติมโดยรวมจะมีไม่มากนัก แต่จากผลกระทบสะสมของการโดนตัดสิทธิ GSP ในรอบก่อนหน้า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังซบเซาและมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า กระแสการปกป้องทางการค้า (Trade Protectionism) ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าสะสมในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของการส่งออกไทยในระยะข้างหน้ามีสูงขึ้น และยังส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยจำเป็นที่จะต้องปรับตัวเพื่อที่จะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกต่อไปได้