กปปส.ขย่มปฏิรูปตำรวจ ปมซื้อ-ขายตำแหน่ง
อดีตแกนนำ กปปส.ออกมาเปิดประเด็นการซื้อ ขายตำแหน่งตำรวจ เป็นเหตุทำให้วงการสีกากีสั่นสะท้อนไปทั่วทั้งประเทศ
นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตแกนนำกปปส. ออกมาเปิดเผยว่า ขอให้ประชาชนคอยติดตามคำสั่งแต่งตั้งตำรวจในระดับสารวัตร รองผู้กำกับการ ผู้กำกับการ และรองผู้บังคับการ ที่กำลังจะมีขึ้นในอีก 2-3 วันนี้ ให้ดูว่าผลจะเป็นอย่างไร จนวันนี้ระดับสารวัตรยังพูดกันว่า มีการซื้อกันถึง 2 ล้านบาท ที่จะต้องดูตัวอย่างคือ ในภูธรภาค 8 มีตำแหน่ง ผู้กำกับ ว่าง 26 ตำแหน่ง
“หากมีการปฏิรูปแล้วตำรวจอยู่ในแต่ละจังหวัด ตำรวจแต่ละจังหวัดสามารถขึ้นครองตำแหน่งได้อย่างจริงจัง รองผู้บังคับการว่าง 12 ตำแหน่ง 26 ตำแหน่ง ผู้กำกับการจับตาดูว่าตำรวจภูธรภาค 8 จะได้ตำแหน่งกี่คน และเรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียว ผมขอให้ ผบ.ตร ไปดูข้อมูลของตำรวจนครบาลที่บวกไปอีก 2 เท่าของราคาเชื่อว่าคนที่รู้ข้อมูลเรื่องนี้ดีที่สุดคือ ผบ.ตร.”
ประเด็นนี้เป็นเหตุให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งเด้งฟ้าผ่า “พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท” ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8)พ้นจากตำแหน่งและมาปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร. มอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดย “พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท” กล่าวยืนยันว่า “ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บัญชาการ 2 ปีไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นในการแต่งตั้งโยกย้าย และยินดีที่จะเข้าสู่การตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ผู้ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งจเรตำรวจลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ขอให้รอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าผลการตรวจสอบจะเป็นประการใด ผมยังยืนยันในความบริสุทธิ์และความถูกต้องของผม ฉะนั้นขอเวลาให้ทางจเรตำรวจได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง”
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวว่า “ได้รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง ครั้งนี้จะได้จับให้มั่นคั้นให้ตายว่าใช่หรือไม่ใช่ ต้องขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่ง ก็ให้ตรวจสอบทั้งหมด ตอนนี้ก็มีการย้ายผบช.ภ.8 เข้ามาประจำศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว(ศปก.ตร.)แล้ว เพื่อสอบสวนในทุกๆประเด็นซึ่งมีข้อมูลในทุกประเด็นมีข้อมูลพอสมควร แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบในเรื่องของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร แต่ในส่วนของทหารยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพราะไม่ได้ ต้องโตมาตั้งแต่เด็กตามช่องทางที่กำหนดไว้ แต่ข้าราชการกับตำรวจมีกฎหมายคนละฉบับกัน กำลังให้ไปแก้ปัญหาว่าจะดูแลข้าราชการทุกกลุ่มหน่วยงานได้อย่างไรเพื่อป้องกันการทุจริต”
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการจัดทำแผนปฏิรูปตำรวจ ว่ามีกรอบเวลากำหนดไว้ต้องทำให้เสร็จภายใน 6 เมษายน 2561 หรือตามกรอบระยะเวลา 1 ปี หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 10 เดือน จะต้องทำให้ทัน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่เหลือนี้จะต้องทำให้เสร็จในส่วนของรัฐบาลก่อน ซึ่งหากกฎหมายเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. แล้ว อาจจะใช้ระยะเวลาเกินกรอบที่กำหนดไว้ได้ พร้อมกันนี้ยอมรับว่าการปฏิรูปตำรวจมีเนื้อหาจำนวนมาก ซึ่งกรณีการซื้อขายตำแหน่งที่เป็นข่าวล่าสุด ไม่ถือเป็นอุปสรรคในการปฏิรูปตำรวจ แต่เป็นต้นเหตุที่ต้องปฏิรูปตำรวจ
สำหรับการปฏิรูปตำรวจนั้น นายวิษณุ ระบุว่า แบ่งได้ 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.อำนาจในการสอบสวน 2.การกำหนดสังกัด 3.การบริหารงานบุคคล รวมการแต่งตั้ง โยกย้าย ลงโทษ 4.สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ และ 5.คุณธรรม จริยธรรม การประพฤติปฏิบัติ และขวัญกำลังใจ ส่วนคุณสมบัติคณะกรรมการจัดทำแผนปฏิรูปตำรวจที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ เช่น ตำแหน่งประธานจะต้องไม่เคยเป็นตำรวจ กรรมการจะประกอบด้วยคนที่เคยเป็นตำรวจและไม่เคยเป็นตำรวจจำนวนเท่ากัน และ กรรมการโดยตำแหน่ง 5 คน คือ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงกมหาดไทย อัยการสูงสุด และเลขาธิการศาลยุติธรรม ซึ่งกำลังสรรหากันอยู่ ขณะที่การวิ่งเต้นซื้อขายตำรวจเป็นเหตุแห่งการปฏิรูปไม่ใช่อุปสรรค การปฏิรูปเพื่อจะลด อุปสรรคอันเป็นเหตุ