ออมสินลุยแก้สัญญาทาส “สัญญาขายฝาก”
ธนาคารออมสินได้รับไฟเขียวจาก ธปท.และกระทรวงการคลัง ในการปล่อยเชื่อโดยไม่ต้องพิจารณาถึงเครดิตบูโร ความสามารถในการหารายได้ และการความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการช่วยเหลือลูกหนี้แลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
“ขอขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง ในการอนุมัติให้ธนาคารออมสิน ออกสินเชื่อใหม่ “สินเชื่อ SME มีที่ มีเงิน” นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวเป็นประโยคแรกในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ในงานแถลงเปิดตัวสินเชื่อใหม่ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
“สินเชื่อ SME มีที่ มีเงิน” มีข้อดีหลายประการที่ธนาคารพาณิชย์ไม่กล้าทำ รวมทั้งหมด 3 ไม่ ได้แก่ 1.ไม่ต้องนำรายได้ของผู้กู้มาวิเคราะห์สินเชื่อ 2.ไม่พิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ และ3.ไม่นำข้อมูลที่อยู่ในเครดิตบูโร มาประ กอบการพิจารณาขอสินเชื่อ
โดยผู้กู้ที่เป็นบุคคลธรรมดา จะสามารถกู้ได้ในวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และกรณีบริษัท นิติบุคคลสามารถกู้ได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายปล่อยกู้เอาไว้ 10,000 ล้านบาท และหากปล่อยครบ 10,000 ล้านบาทแรก ก็จะเปิดโครงการที่ 2 เป็นรอบต่อไป
นายวิทัย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโควิด-19 จึงต้องหันไปพึงเงินกู้นอกระบบ หรือบางราย ทำให้สัญญาขายฝากที่ดิน ซึ่งถือเป็นสัญญาทาส เพราะกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะถูกโอนไปอยู่ในมือของเจ้าหนี้เงินกู้ แตกต่างจากการจดจำนอง ที่กรรมสิทธิ์ยังอยู่ในมือเจ้าที่ดิน
“เราเหมือนเป็นคนที่โยนห่วงยาง ช่วยเหลือคนกำลังจมน้ำ ให้รอดพ้นขึ้นมาได้ เพราะสัญญาขายฝาก ซึ่งถือเป็นเงินกู้นอกระบบอีกชนิดหนึ่ง แต่มีกฎหมายรองรับคือ ปล่อยกู้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี แต่จำนวนเงินที่จะได้รับจริงๆ จะมีเพียง 20-30% ของราคาที่ดิน เช่น ที่ดินราคา 100 ล้านบาท สัญญาขายฝากจะให้กู้เพียง 10-20 ล้านบาทเท่านั้น เพราะผู้กู้กำลังเดือดร้อนและมีความต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน”
ดังนั้นการเปลี่ยนจาก “สัญญาขายฝาก” เป็น “สัญญาเงินกู้” ในลักษณะของการจดจำนอง ทำให้เกิดความแตกต่างในเรื่อง ของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน วงเงินกู้ก็ได้สูงสุดถึง 70% ของราคาประเมิน
ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารออมสินคิดก็ถูกกว่าเพียง 5.99% ต่อปีเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือนร้อนสามารถยื่นเรื่องกู้เงินจากธนาคารออมสินได้ตั้งแต่วันนี้ (27 ต.ค.) เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้ ต้องนำสัญญาขายฝากมาเป็นเอกสารสำคัญในการเข้าร่วมโครงการ และต้องอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ม.ค.จนถึงวันที่ 31 ต.ค.เท่านั้น โดยไม่รับรีไฟแนนซ์จากธนารคารอื่นๆ
นอกจากนี้ ธนาคารยังยกเว้น ไม่ต้องส่งเงินต้นเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือหากความพร้อม จะเมื่อไหร่ก็ได้ ภายใน 3 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยต้องชำระตามปกติ โดยธนาคารจะไม่มีการหักดอกเบี้ยเอาไว้ล่วงหน้า
“ธนาคารออมสิน มีกำไรจากโครงการนี้ บางมากๆ แต่ที่ต้องทำ เพราะเรามองเห็นอนาคตของธุรกิจที่ขาดสภาพคล่องจะล้มลงหมด และส่งผลถึงภาพรวมของประเทศอีกด้วย” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว