ธนารักษ์เร่งผุดโครงการ “เก่าเก็บ-ของใหม่” ร่วมแสนล.
“ยุทธนา หยิมการุณ” เร่งจัดทัพ “ปัดฝุ่น” โครงการขนาดยักษ์ “เก่าเก็บ” พ่วงโครงการใหม่ ตั้งแต่ พัฒนาที่ดินหมอชิต ท่าเรือสงขลา สนามกอล์ฟบางพระ เขตเศรษฐกิจพิเศษ “มุกดาหาร-หนองคาย-ตาก” รวมนับแสนล้านบาท ล่าสุด เตรียมผุดท่าเทียบเรือสำราญแถบเกาะสมุย เผย! เป็นท่าเทียบเรือที่ดีสุดกลางอ่าวไทย สร้างพร้อมกับโซนวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ที่ให้ชาวชุมชนบริหารจัดการ
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงโครงการขนาดใหญ่ที่กรมธนารักษ์เตรียมดำเนินการในปีงบประมาณ 2564 ว่า นอกจาก โครงการสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการทั่วประเทศ เริ่มต้นในพื้นที่ 9 จังหวัดสำคัญ และ โครงการก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ 2-3 จำนวน 259 ไร่ มูลค่า 650 ล้านบาทแล้ว ยังมีโครงการสำคัญที่ยังค้างคามาจากอดีตอีกหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์บริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเก่า เนื้อที่ 63 ไร่ ตรงข้ามกับสวนจตุจักร ที่ล่วงเลยมานานกว่า 20 ปีนั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขออนุญาตรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าประมูลในปี 2564
นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปิดประมูลพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษใน จ.มุกดาหาร, จ.หนองคาย และจ.ตาก ซึ่งแต่ละโครงการมีมูลค่านับหมื่นล้านบาท เพราะมีพื้นที่จำนวนมากและอยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจที่จะได้รับเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ในการลงทุนที่ค่อนข้างจูงใจได้เป็นอย่างดี่ คาดจะเปิดหาผู้สนใจเข้าลงทุนในปี 2564 เช่นกัน รวมถึงโครงการท่าเรือสงขลา ที่อยู่ระหว่างการทำ EIA คาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ และเปิดประมูลหลังจากนั้น
อีกทั้งยังเตรียมจะเปิดประมูลบริหารโครงการสนามกอล์ฟ บางพระ จ.ชลบุรี ซึ่งขณะนี้ มีเอกชนที่สนใจของเช่าระยะยาว 30 ปี สามารถจะต่อสัญญาโครงการฯได้เรื่อยๆ ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของรัฐ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเร็วๆ นี้เช่นกัน
“อีกโครงการที่น่าสนใจ คือ การก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ บริเวณเกาะไม้ท่อน หมู่เกาะสมุย ขนาดพื้นที่ 30 ไร่ ซึ่งจะเป็นท่าเทียบเรือที่ดีที่สุดในอ่าวไทย คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโซนพาณิชย์ที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลก่อสร้างและบริหารจัดการโครงการฯ และโซนวัฒนธรรม-สิ่งแวดล้อม ที่จะให้ภาคประชาสังคมและประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและบริหารจัดการต่อไป” อธิบดีกรมธนารักษ์ ย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์อีกหลายโครงการ อาทิ โครงการซีเนียร์คอมเพล็กซ์ ในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะ จ.สมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่จะพ่วงไปกับการก่อสร้างโครงการสถานพยาบาลร่วมกับ รพ.รามาธิบดี เป็นต้น โดยหากนับรวมมูลค่าการลงทุนของทุกโครงการที่เปิดให้เอกชนลงทุนและที่กรมธนารักษ์ลงทุนเอง น่าจะมีรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททีเดียว
โดยก่อนหน้านี้ นายยุทธนา ประกาศจะยกระดับกรมธนารักษ์ขึ้นเป็นอีกกรมจัดหารายได้ที่สำคัญให้กับกระทรวงการคลังและรัฐบาล เนื่องจากกรมธนารักษ์ มีที่ดินราชพัสดุทั่วประเทศมากถึง 12.5 ล้านไร่ แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของส่วนราชการและกองทัพ แต่จากกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ทำให้หลายหน่วยงาน พยายามติดต่อเพื่อขอคืนพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้กับกรมธนารักษ์ และจะทำให้กรมธนารักษ์ได้รับคืนที่ดินราชพัสดุกลับคืนมา รวมกับของเดิมที่มีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 หรือราว 1.25 ไร่ ซึ่งนั่นได้ทำให้ นายยุทธนา คาดหวังจะน่ำส่งรายได้เข้ารัฐในนามกรมธนารักษ์ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2564.