สรุปข่าว 17-10-63
หุ้นเอเชียร่วง : ตลาดหุ้นสำคัญของโลก ปิดตลาดเมื่อ 16 ต.ค.63 (ตรงกับเช้า 17 ต.ค.ในไทย) ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 112.11 จุด (0.39%) ปิดที่ 28,606.31 จุด, เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.47 จุด 0.01%) ปิดที่ 3,483.81 จุด ขณะที่ แนสแดคลดลง 42.31 จุด (-0.36%) ปิดที่ 11,671.56 จุด เช่นเดียวกับ นิเคอิ ปรับตัวลดลง 96.60 จุด -0.41%) ปิดที่ 23,410.63 จุด ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดตลาดที่ 1,233.68 ลดลง 9.28 จุด (-0.75%) มูลค่าการซื้อขาย 44,575.81 ล้านบาท.
น้ำมันโลกลด : ราคาน้ำมันโลก ปิดตลาดเมื่อเวลา 03.59 น.ของวันที่ 17 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย โดยสัญญาซื้อข่ายล่วงหน้า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เดือน พ.ย. ลดลง 0.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.46%) ปิดที่ 40.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เดือน ธ.ค.ปรับลดลง 0.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.81%) โดยราคาปิดอยู่ที่ 42.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล.
ทองไทยขึ้น : ราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ปรับตัวลดลง 8.52 ดอลลาร์ (-0.45%) ปิดที่ 11,900.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในไทย สมาคมค้าทองคำประกาศเปลี่ยนแปลงตลอดวันเพียงครั้งเดียว โดยมีราคาเปิดเพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 150 บาท และคงราคาเช่นนี้ตลอดวัน โดยราคาขายทองคำแท่งบาทละ 28,150 บาท ซื้อ 28,050 บาท ขณะที่ราคาขายทองคำรูปพรรณ 28,650 บาท รับซื้อ 27,545.72 บาท.
บาทอ่อนค่าเล็กๆ : ค่าเงินบาท วันที่ 16 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดไว้ที่ 31.201 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 31.172 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 31.3688 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 40.7049 บาทต่อ 1 ปอนด์สเตอริง, 36.9002 บาทต่อ 1 ยูโรดอลลาร์, 30.0327 บาท ต่อ 100 เยน, 4.0704 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง, 23.2239บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.6146 บาทต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย.
ไม่ลาออก : พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมบางส่วนของครม.แถลงข่าวหลังประชุมครม.นัดพิเศษ ยืนยันไม่ลาออกตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม และว่ารัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ เนื่องจากสถานการณ์รุนแรง มีหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะใช้ให้สั้นที่สุดเพียง 1 เดือน หรือ 30 วัน หรือน้อยกว่านั้นถ้าคลี่คลายได้โดยเร็ว ไม่ได้มุ่งหวังจะไปทำร้ายใคร กฎหมายวันนี้มีอำนาจทุกอย่าง ขอเตือนไว้ด้วยอย่าทำผิดกฎหมาย จำเป็นต้องรักษาคนส่วนใหญ่ไว้ให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจ.
บุกคณะก้าวหน้า : จนท.ตำรวจ สน.มักกะสัน นำโดย พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ ผกก.สน.มักกะสัน นำหมายค้นขอเข้าตรวจค้นห้องแถลงข่าว ระหว่างที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แถลงข่าวไม่เห็นด้วยกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ กทม.ของรัฐบาล โดย จนท.ตำรวจอ้างว่า ทำไปเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตามคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ห้ามเสนอข่าวเผยแพร่ข้อมูล สิ่งอื่นใดที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว บิดเบือนมาดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ระบุทุกวันนี้ใกล้เคียงรัฐประหารแล้ว เหลืออย่างเดียวคือฉีกรัฐธรรมนูญ ขอให้ตำรวจมาอยู่กับประชาชน เปิดพื้นที่ให้นักศึกษา ใช้กฎหมายปราบเอาไม่อยู่ เข้าใจการทำหน้าที่ต้องไม่เกินความเป็นมนุษย์.
ฉีดน้ำยาใส่ : กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ทั้งกลุ่มเยาวชนปลดแอก และคณะราษฎร 2563 ที่นัดชุมนุมบริเวณสี่แยกปทุมวัน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ต.ค. ถูกจนท.ตำรวจฉีดน้ำผสมสีฟ้าเข้าใส่ จนแนวการ์ดที่ตั้งประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ฯแตกกระเจิง รวมถึงกลุ่มผู้ชุมนุมฯ จนต้องถอยร่นมาตั้งแนวรับหน้าห้างสยามดิสคัฟเวอรี่ ทั้งนี้มีมวลชนส่วนหนึ่งที่อยู่บนเวทีปราศรัยทยอยเข้าสมทบช่วยเหลือ ระดมร่มพร้อมขวดน้ำส่งให้แนวหน้า ผลจากกระทำนี้ ทำให้การ์ด มวลชน สื่อมวลชนที่ถูกฉีดน้ำ เกิดอาการปวดแสบ ปวดร้อน แสบตา คันผิวหนังไปตามๆ กัน หนึ่งในนั้น มีเด็กวัย 5 ขวบและยุวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี ได้รับบาดเจ็บด้วย กระทั่ง กลางดึกวันเดียวกัน แกนนำฯต้องประกาศยุติการชุมนุม และนัดหมายชุมนุมอีกครั้ง.
ฝ่ายค้านรุก : นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล นายพิชัย นริพทะพันธ์ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อง หน.พรรคเพื่อไทย รวมถึงนายทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้เดินทางมาที่ ตชด.ภ.1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อขอทราบจำนวนผู้ที่ถูกจับกุม และหาแนวทางการช่วยเหลือ โดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว โดยนายรังสิมันต์ ระบุ เหตุการณ์การสลายการชุมนุมเป็นเหตุการณ์ที่รับไม่ได้ เป็นการแสดงออกผ่านคนจำนวนมาก ที่เราไม่เคยเห็นเขาแสดงออกทางการเมืองมาก่อน คนที่ถูกสลายการชุมนุมเป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งหลายคนแต่งชุดนักเรียนอยู่ และว่าสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเจอคือคำถามของผู้แทนประชาชน ทำไมต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน วันนี้คนออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏภาพความรุนแรงเลย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องมาอธิบายมาตอบคำถามให้ประชาชนทราบ.
ปฏิปักษ์ประชาชน : กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ระบุถึงแถลงการณ์จากคณะราษฎรฯ ถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมว่า “เรารับรู้ได้ว่ารัฐบาลและกองทัพ ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชนอย่างสมบูรณ์ เราของประณามทุกการกระทำที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน และขอประณามทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เราขอประกาศว่า เรายังยืนยันที่จะจัดการชุมนุมต่อไปในวันที่ 17 ต.ค. ต่อให้รัฐบาลจะทำการจับกุมแกนนำของเราไปจนหมด แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงสองวันนี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแกนนำที่แท้จริงนั้นคือ “ประชาชนทุกคน” มิใช่เพียงคนใดคนหนึ่ง ประชาชนไม่อาจทนต่อการกดขี่ได้ฉันใด ชนชั้นนำก็ไม่อาจฝืนสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ฉันนั้น หากรัฐยังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของเรา ก็พึงรู้ไว้เถิดว่าเราเองก็ไม่สามารถละทิ้งอุดมการณ์ได้เช่นกัน จากนี้จะไม่มีคณะราษฎร จะมีเพียงแต่ “ราษฎร” เท่านั้น ขอย้ำในจุดยืนว่าทุกคนคือแกนนำ และขอเชิญชวนให้ทุกท่านที่พร้อม ออกมารวมตัวกันอีกครั้งในวันนี้ เวลา 16.00 น.
ออกหมายจับ : รายงานแจ้งว่า ศาลแขวงปทุมวันได้ออกหมายจับแกนนำม็อบคณะราษฎร 12 คน ประกอบด้วย น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ อายุ 22 ปี นายกรกช แสง-เย็นพันธ์ อายุ 27 ปี น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล อายุ 25 ปี นายสิรภพ พุ่มพึ่พุทธ อายุ 20 ปี นายณัฐชนน พยัฆพันธ์ อายุ 29 ปี นายสมบัติ ทองย้อย อายุ 52 ปี นายวสันต์ กล่ำถาวร อายุ 48 ปี นายอรรถพล บัวพัฒน์ อายุ 30 ปี นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี อายุ 23 ปี นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา อายุ 26 ปี นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง อายุ 28 ปี นายภาณุพงศ์ จาดนอก อายุ 23 ปี ในความผิดฐานเป็นบุคคลฝ่าฝืนตาม พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ตามมาตรา 9.