กนอ.รื้อแผนปี 64 รองรับระบบ 5 จี
กนอ. ปรับ 5 แผนยุทธศาสตร์ปี 64 เน้นขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี รองรับระบบ 5 จี มุ่งเป็นผู้นำ3 ลำดับแรกกลุ่มอาเซียน
นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สายงานยุทธศาสตร์และพัฒนา เผยว่า กนอ.ได้ปรับแผนยุทธศาสตร์ ปี 2564 เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง ภายใต้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท ใน 42 โครงการ 5 แผนยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ บริการ ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างความมั่นคงให้องค์กร จำนวน 12 โครงการ ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน จำนวน 13 โครงการ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การยกระดับระบบการกำกับดูแลองค์กรสู่มาตรฐานสากล จำนวน 1 โครงการ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาศักยภาพขององค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี จำนวน 9 โครงการ และยุทธศาสตร์ที่ 5 เสริมสร้างขีดความสามารถการแข่งขันของลูกค้าและนักลงทุน จำนวน 7 โครงการ
โดยมุ่งเน้นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ เพื่อรองรับระบบ 5 จี ที่จะครอบคลุมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับภาคการผลิตไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้รวดเร็วขึ้นโดยมุ่งเน้นการเป็นผู้นำใน 3 ลำดับแรกของกลุ่มประเทศอาเซียน
นายอัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมเริ่มขยับตัวดีขึ้น หลังจากช่วงไตรมาสที่ผ่านมาได้ผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด19 จึงเชื่อว่า ภายในปีหน้า ปี 2564 ก็จะปรับตัวได้ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเป็นเข้ามาลงทุนเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนนักลงทุนประเทศจีน ก็เริ่มเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยภาคตะวันออก ยังคงเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมเข้ามาลงทุนมากที่สุด
เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลให้การส่งเสริมอีอีซี ดังจะเห็นจากการที่ภาคเอกชนมีการลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกระแสการเข้ามาลงทุน แม้ว่ายังคงมีโควิด-19 อยู่ ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการลงทุนตั้งนิคมใหม่ 2-3 แห่ง
นายอัฐพล ยังคาดว่าภายใน 2 ปีข้างหน้าภาคตะวันออกจะเกิดการลงทุนไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานประมาณ 50,000 คน และจากการลงทุนนิคมฯใหม่ๆที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ กนอ. มียอดรวมพื้นที่อุตสาหกรรมภายใน อีอีซี ทั้งสิ้นกว่า 3 หมื่นไร่ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 หมื่นไร่ จึงมั่นใจว่าดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้อย่างแน่นอน