ธอส.ช่วยเหยื่อโควิดฯรวมกว่า 4.3 แสนล.
ธอส.แจงผลงานช่วยเหลือลูกหนี้เหยื่อโควิดฯผ่าน 10 มาตรการ ครอบคลุม 5.11 แสนบัญชี วงเงินกว่า 4.3 แสนล้านบาท เผย! หนี้เสีย 9 พันล้านบาท ยังอยู่ในกลุ่มเรียกคืนได้ 4 พันล้านบาท ที่เหลือต้องเร่งเคลียร์ต่อไป
นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการบรรเทาผลกระทบให้แก่ลูกค้าของธนาคารฯจากปัญหาโควิด-19 ว่า หลังจากที่ ธอส. ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าครอบคลุมทั้งการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, พักชำระเงินต้น หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย ผ่าน 10 มาตรการของธนาคารฯ โดยมีลูกค้าเข้ามาตรการรวม 511,110 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 430,439 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้ากลุ่มที่เข้ามาตรการที่ 5 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 4 เดือน 236,531บัญชี วงเงินสินเชื่อ 179,843 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ได้ทยอยครบกำหนดตั้งแต่เดือน ก.ค.และ ส.ค. 2563 สามารถกลับมาผ่อนชำระได้ตามปกติ 91,796 บัญชี เงินต้นประมาณ 65,000 ล้านบาท
ขณะที่ลูกค้าใน มาตรการที่ 5 ที่ยังคงได้รับผลกระทบ ธนาคารฯได้ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในระยะที่ 2 ผ่านมาตรการที่ 8.5 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยถึง 31 ต.ค.นี้ ล่าสุด ณ วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา มีลูกค้าอยู่ใน มาตรการที่ 8.5 จำนวน 39,546 บัญชี วงเงินสินเชื่อ 27,000 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่เคยเข้ามาตรการที่ 5 แล้วไม่สามารถกลับมาชำระได้ตามปกติและกลายเป็น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวนประมาณ 9,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.5% ของลูกค้าที่เข้ามาตรการ 5 ทั้งหมด ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าอาจจะมี NPL อยู่ที่ประมาณ 25% ของลูกค้าที่เข้ามาตรการ 5
ทั้งนี้ ในกลุ่มลูกหนี้ NPL แยกเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชำระหนี้ได้ แต่ชำระได้ไม่ครบ รวมวงเงิน 4,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารฯจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลและให้คำปรึกษา ส่วนอีก 5,000 ล้านบาท ถือเป็นลูกหนี้ NPL ที่มีปัญหาไม่สามารถชำระคืนได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย จำเป็นจะต้องเข้าไปแก้ไขต่อไป
“สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารฯอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คือ กลุ่มที่เข้ามาตรการที่ 8 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน รวม 233,931 ราย วงเงินสินเชื่อ 209,863 ล้านบาท และมาตรการที่ 8.5 เนื่องจากเป็นมาตรการที่พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่มีความเปราะบางด้านรายได้ ธนาคารฯอยู่ระหว่างติดตามลูกค้าในกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะครบกำหนดการใช้มาตรการในเดือน ต.ค.นี้” นายฉัตรชัย กล่าวและว่า
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง รวมถึงปัญหาด้านรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารฯ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. จึงได้มีมติขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้ “มาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” และ “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” ระยะที่ 2 เฉพาะลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือใน 3 มาตรการ ประกอบด้วย
มาตรการที่ 1 พักชำระเงินต้น 3 เดือน, มาตรการที่ 3 พักชำระเงินต้น 6 เดือน และ มาตรการที่ 8 พักชำระเงินต้น 3 เดือน ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มเติมไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2564 โดยทั้ง 3 มาตรการที่ธนาคารฯขยายความช่วยเหลือในครั้งนี้ ครอบคลุมจำนวนลูกค้าที่มีสิทธิ์ขยายระยะเวลาเป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 250,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ลูกค้าต้องแจ้งความประสงค์เพื่อขยายระยะเวลาผ่าน Application GHB ALL ได้ระหว่างวันที่ 1-29 ต.ค.นี้ พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันว่ายังมีผลกระทบทางรายได้จริงให้ธนาคารฯพิจารณา อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ภาพถ่าย และ Statement เป็นต้น.