จีนฮึ่มหากทรัมป์ล้ำเส้น
หลังจากกระทรวงต่างประเทศของจีนยื่นหนังสือทักท้วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวัน
ว่าเป็นการทำผิดธรรมเนียมทางการทูต แต่นายทรัมป์ยังทวีตข้อความวิจารณ์จีนต่อ เริ่มทำให้จีนไม่พอใจมากขึ้น
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนไม่ได้แสดงท่าทีขานรับกับข่าวที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินของไต้หวันโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายทรัมป์ที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่อย่างใด ทำให้หลายฝ่ายรู้สึกแปลกใจ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน ผู้นำจีนคงมีอาการโกรธจนควันออกหูและมีมาตรการโต้ตอบสหรัฐฯ กับไต้หวันมากกว่านี้ เนื่องจากจีนทราบดีว่าประธานาธิบดีไช่ของไต้หวันคนนี้มีอุดมการณ์ที่เน้นอิสรภาพและมีท่าทีไม่ยอมรับนโยบาย ‘จีนเดียว’ ของจีนมานานแล้ว การที่เธอโทรศัพท์ไปหานายทรัมป์โดยตรง ถือเป็นการท้าทายอำนาจของจีนอย่างมาก แต่จีนไม่ถือโทษโกรธเคือง เพียงแต่ให้กระทรวงต่างประเทศยื่นหนังสือทักท้วงไปเท่านั้น เพราะคงคิดว่านายทรัมป์เป็นมือใหม่ทางการเมืองและขาดประสบการณ์ คงยังตามไม่ทันกลยุทธ์ของผู้นำไต้หวัน
แต่หลังจากที่นายทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์จีนบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ว่า “ จีนเคยถามสหรัฐฯ บ้างหรือเปล่าว่าเราโอเคที่จีนลดค่าเงิน (ทำให้บริษัทของเราแข่งขันได้ยากขึ้น) เก็บภาษีสินค้าที่เราส่งไปขายจีนสูง (ขณะที่สหรัฐฯ ไม่เก็บ) หรือว่าไปสร้างค่ายทหารขนาดใหญ่กลางทะเลจีนใต้ ผมว่าไม่นะ ! ” ก็สร้างความไม่พอใจให้จีน แต่ยังคงไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา
นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า จีนคงมีมาตรการโต้ตอบออกมามากกว่านี้หากนายทรัมป์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ
ที่ผ่านมา ในปี 2558 สหรัฐฯ มีตัวเลขขาดดุลการค้ากับจีนสูงถึง 366,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งทางด้านสินค้าและบริการ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 6.6%
มีรายงานข้อมูลจากองค์การการค้าโลก (WTO) ว่า จีนเก็บภาษีสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ในอัตรา 15.6% และสินค้าประเภทอื่นๆ 9% ในขณะที่สินค้าเกษตรของจีนที่ส่งไปขายที่สหรัฐฯ ถูกเก็บภาษีเพียง 4.4% ส่วนสินค้าประเภทอื่นถูกเก็บภาษี 3.6%
ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายทรัมป์เคยให้สัญญากับผู้สนับสนุนว่าเขาจะตราหน้าจีนว่าเป็นนักปั่นค่าเงินในวันแรกที่เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีความหมายว่า สหรัฐฯ จะเจรจากับจีนเพื่อขอให้ปล่อยค่าเงินหยวนให้มีการเคลื่อนไหว ไม่โดนควบคุมเท่านี้
นักการเมืองสหรัฐฯ หลายคนกล่าวหาว่า จีนมีเจตนาลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงเพิ่อเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมส่งออกของจีน โดยในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา เงินหยวนอ่อนค่าลงถึง 15% จากที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม การที่จีนถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้จีนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด ทำให้สหรัฐฯ อาจจะมีอำนาจในการต่อรองไม่มาก การวิพากษ์วิจารณ์นโยบายจีนของนายทรัมป์อาจสั่นคลอนความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ และอาจกลายเป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่สงครามการค้าครั้งใหญ่
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.80 บาท / 7 ธ.ค. 2559