อังกฤษคุมเข้มขึ้น หลังติดเชื้อพุ่ง
ลอนดอน – มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วทุกพื้นที่ในอังกฤษ โดยผลการศึกษาชี้ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสองเท่าในแต่ละสัปดาห์ ก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจมีมาตรการคุมเข้มยิ่งขึ้นในประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ย. รัฐบาลออกมาตรการจำกัดการรวมตัวของสมาชิกในครัวเรือนในเบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองในอังกฤษ และพื้นที่โดยรอบ เนื่องจากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
นับเป็นพืั้นที่ล่าสุดของอังกฤษที่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันประกาศก่อนหน้าสัปดาห์นี้ว่า จะมีมาตรการใหม่ที่คุมเข้มการรวมตัวกันทางสังคม
ตั้งแต่ 14 ก.ย. จะห้ามการรวมตัวกันมากกว่า 6 คนในอังกฤษ หลังจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วสหราชอาณาจักรมากขึ้นประมาณ 3,000 รายต่อวัน โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อในเดือนส.ค.คือไม่ถึง 1 ใน 3 ของตอนนี้
จากผลการศึกษาที่รัฐบาลสนับสนุนระบุว่า อัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอายุ นอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงวัยเกิน 65 ปี และไม่มีคลัสเตอร์ติดเชื้ออีกในโรงพยาบาล หรือสถานดูแลผู้สูงอายุเมื่อ 2 – 3 เดือนก่อน
โดยนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอิมพีเรียลประเมินว่า มีการแพร่ระบาดมากขึ้นในอังกฤษ
“ นี่เป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ต่อยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19” ไซมอน คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาระบุ “ มีแนวโน้มว่า ไวรัสโคโรนาแพร่กระจายในประเทศได้มากขึ้น หมายความว่า เราจำเป็นต้องมีมาตรการคุมเข้มมากขึ้นกับชีวิตของเราเพื่อทำให้การติดเชื้อลดลง”
สัญญาณการติดเชื้อรอบใหม่อุบัติขึ้นช่วงปลายฤดูร้อน เนื่องจากประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติก่อนการระบาด มีการเดินทางไปต่างประเทศ และมีการพบปะสังสรรค์กันในคาเฟ่ ร้านอาหาร และสวนสาธารณะ
ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ถูกกล่าวหาว่าละเลยการระมัดระวังตัว ไม่ปฏิบัติตามกฎรักษาระยะห่างทางสังคม
แมตต์ ฮันค็อก รมว.สาธารณสุข ขอความร่วมมือประชาชนให้ยังคงดูแลระวังตัวอยู่เสมอ
“ การระบาดยังไม่จบ และทุกคนมีหน้าที่ในการป้องกันไวรัส เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการที่เข้มงวดขึ้น” เขาระบุ
“ เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างไร เริ่มจากคนหนุ่มสาว ทำให้ต้องมีการรักษาตัวในโรงพยาบาลและมีผู้เสียชีวิต”
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 65,000 ราย จากสำนักงานสถิติของรัฐบาล โดยมีการติดเชื้อที่ยาวนานกว่า และแพร่ระบาดได้มากกว่าในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิตาลีและสเปน