นายกฯ เยอรมนีจะลงเลือกตั้งสมัยที่ 4 ปีหน้า
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของโลกประกาศถึงการตัดสินใจที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศอีกครั้ง โดยจะลงเลือกตั้งระดับชาติในปีหน้า
“ ดิฉันได้พิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว การตัดสินใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 4 หลังจาก 11 ปีผ่านไป เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เพื่อประเทศ หรือเพื่อพรรค แต่เป็นสิ่งที่ดิฉันรู้สึกว่าเป็นความตั้งใจส่วนตัว ” นายกฯ แมร์เคิล กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเบอร์ลิน
ผู้นำของเยอรมนีวัย 62 ปี คาดการณ์ว่า การเลือกตั้งในฤดูใบไม้ร่วงปี 2560 จะเป็นการทำงานที่ยากที่สุด
“ การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นเรื่องยาก เราจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทุกที่ จากทั้งสองขั้วอำนาจคือพรรคการเมืองฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ”
“ มีความตึงเครียดมากขึ้นในสหภาพยุโรปจากทั้งวิกฤติผู้อพยพในยุโรป และการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร สถานการณ์ในโลกที่ต้องการการแก้ไขทั้งในสหรัฐฯและรัสเซีย ” นายกฯ แมร์เคิล กล่าวในงานแถลงข่าว
ที่ผ่านมา ผู้สนับสนุนและลงคะแนนให้เธอพากันแสดงอาการโกรธเคืองที่เธอเปิดพรมแดนเยอรมนีเพื่อให้การต้อนรับผู้อพยพ โดยเฉพาะผู้อพยพจากเขตสงครามในตะวันออกกลาง ในเดือน ก.ย. พรรคของเธอพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยผู้นำเยอรมนียอมรับว่า เธอได้ดำเนินนโยบายผิดพลาดในเรื่องผู้อพยพ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลได้รับการเลือกตั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำของเยอรมนีในปี 2548 โดยเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เธอถูกเลี้ยงดูมาในเยอรมนีตะวันออกที่เป็นคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น
โดยนายกฯ แมร์เคิล กล่าวว่า เธอเข้าใจถึงการที่โลกมองเธอว่าเป็นผู้นำที่มีเสถียรภาพ แต่ปฏิเสธว่า เธอไม่สามารถทำงานทั้งหมดได้ด้วยตัวเธอคนเดียว
“ ดิฉันได้รับเกียรติมากมาย แต่ก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกและไร้สาระ ไม่มีใครคนใดคนหนึ่ง ที่แม้จะมีประสบการณ์มากมาย จะสามารถจัดการให้โลกหมุนไปในทิศทางที่ดีสำหรับทุกอย่างได้ แม้แต่ผู้นำของเยอรมนีเอง ” นายกฯ แมร์เคิลกล่าว
ทั้งนี้ เธอกล่าวว่า เธอมีภาพที่ชัดเจนของความท้าทายมากมายที่ต้องเผชิญและหวังว่าจะรวมให้เป็นเรื่องเล็กน้อย นอกจากนี้ เธอกล่าวว่าเธอต้องการทำงานเพื่อให้สังคมประสานรวมกัน โดยปราศจากความเกลียดชัง
“ เราหวังว่าจะสามารถโต้เถียงกันได้อย่างมีประชาธิปไตย หมายความว่า เถียงกันได้ว่าจะไม่เกลียดชังกันไม่ดูถูกกัน ไม่กีดกัน ไม่ขับไล่กัน ดิฉันเข้าใจในทางการเมืองว่า เป็นภารกิจของเราที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชน กำหนดกรอบให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ ภารกิจของดิฉันคือการฟังเสียงของประชาชนและใส่ใจในประชาคมของเราเพื่อดำเนินนโนบายให้สำเร็จลุล่วง”.