ฝ่ายค้านยื่นแล้ว แก้รัฐธรรมนูญ ล็อคเป้า ม.256
ฝ่ายค้านยื่นแล้ว แก้รัฐธรรมนูญ ล็อคเป้า ม.256 พร้อมเปิดทางตั้ง ส.ส.ร. “ชวน” คาด ถกสมัยการประชุมนี้ทันที
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่อาคารรัฐสภา ฝ่ายค้านนำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยื่นญัตติขอแก้ไข มาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายสมพงษ์ ระบุว่า ภายหลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ปรึกษาหารือได้มีมติเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่าการดำเนินการต่างๆ โดยใช้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีข้อบกพร่องเป็นอย่างมาก ซึ่งสาระสำคัญของญัตตินี้ คือขอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 256 ร่วมกับการแต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.เพื่อพิจารณาและดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ญัตติดังกล่าวเป็นญัตติที่ร่วมกันกับประชาชน เพื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 256 อย่างเร่งด่วน
ด้านนายชวน กล่าวภายหลังรับยื่นญัตติว่า ตามระเบียบข้อบังคับนั้น เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรรับญัตติแล้ว จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง โดยเริ่มตั้งแต่ส่วนประกอบของการเสนอกฎหมายในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งถือเป็นบทบัญญัติในหมวดพิเศษ ที่กำหนดคุณสมบัติของการเสนอไว้ต่างหากจากกฎหมายทั่วไป
เช่น ต้องมีสมาชิกเข้าชื่อกัน 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ รวมถึงต้องมีหลักการ เหตุผลความจำเป็นในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วน จากนั้นจะนำเข้าสู่กระบวนการบรรจุในระเบียบวาระการประชุม ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันรับยื่น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้ว ไม่มีอะไรผิดพลาด ก็สามารถบรรจุวาระในสมัยการประชุมนี้ได้เลย
นายชวน ยังกล่าวถึงการยื่นเสนอญัตติของฝ่ายรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นมา เนื่องจากต้องรอส่งรายงานสรุปผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้รับการประสานงานว่า กมธ. จะสามารถจัดทำรายงานได้แล้วเสร็จก่อนเสนอต่อสภาฯ ได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ของฝ่ายค้าน กับรายงานของคณะ กมธ. วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นคนละกรณีกัน ของฝ่ายค้านเป็นญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 มาตรา 256 ส่วนรายงานของคณะ กมธ. คือผลการดำเนินการของ กมธ.