สรุปข่าว 9-8-63
ภาพรวมน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 43.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ เวสต์เท็กซัส 40.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.48 และ 0.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ
โดยตลาดยังคงกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันที่ไม่กระเตื้องขึ้น หลังทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 16.6 ล้านคน เสียชีวิต 0.7 ล้านคน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ เดือน ก.ค. 63 ลดลงสู่ระดับ 92.6 จาก 98.3 ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของสหรัฐฯ ติดลบ 32.9% จากปีก่อน โดยเป็นการติดลบที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 2490
สำหรับกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเตรียมปรับลดการผลิตน้ำมันดิบเป็น 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ส.ค. 63 (จากเดิมที่ปรับลดการผลิตอยู่ที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือน พ.ค. – ก.ค. 63) ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น รัสเซียมีแผนผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตน้ำมัน Alexander Zhagrin ทางตะวันตกของ Siberia ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแห่งใหม่ โดยคาดว่าจะผลิตอยู่ที่ 130,000 บาร์เรล/วัน ในปี 67 ทั้งนี้ คาดการณ์แหล่งผลิตนี้มีปริมาณน้ำมันสำรองอยู่ที่ 4,800 ล้านบาร์เรล
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผอ. สนพ. คาดแนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังทรงตัว เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กดดันความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่หลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้ง อาทิ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายในวงกว้าง ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดยังคงติดตามการลดปริมาณการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน ล่าสุด ปริมาณการผลิตยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในขณะที่ความต้องการใช้ยังเปราะบาง
มองตลาดหุ้น : หุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (3-7 ส.ค.) ร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดที่ระดับ 1,324.40 จุด ลดลง 0.31% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 53,927.45 ล้านบาท ลดลง 12.32% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.68% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 301.40 จุด
สำหรับสัปดาห์ (10-14 ส.ค.) บล.ทรัพย์กสิกรไทย ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,315 และ 1,300 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,335 และ 1,350 จุดตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน สัญญาณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังปรับ ครม. การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียนฯ รวมถึงสถานการณ์โควิด-19
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/63 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ของจีน.
ราคาทอง : ราคาทองคํา Spot ร่วงหนักจากแรงเทขายภายหลังสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นเกินคาด ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ราคาทองคำในไทย หลังจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค. มีการปรับมากถึง 8 ครั้ง โดยูครั้งสุดท้าย ปิดทะลุ 30,400 บาท นับเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ล่าสุด วานนี้ (8 ส.ค.) สมาคมค้าทองคำประกาศราคาครั้งเดียว เมื่อเวลา 09.24 น. ร่วงพรวดเดียว 300 บาท โดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 29,900 บาท ขาย 30,000 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 29,364.92 บาท ขาย 30,500 บาท.
เงินบาทสัปดาห์หน้า : ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาท ระหว่างวันที่ 10-14 ส.ค. เชื่อว่าจะเคลื่อนในระดับ 30.90-31.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการเจรจาระดับสูงของผู้แทนการค้าของทั้งสองประเทศในเรื่องผลความคืบหน้าตามข้อตกลงเฟสแรก.
ร้อนตัว : น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ อ้างกรณี นายกฯไปกล่าวงาน Bangkok Post Forum 2020 : “พลิกฟื้นประเทศไทย : ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” แล้วถูกนำคำพูดนำไปตีความเกินจริง โดยเฉพาะ “เพราะบางคนไปทำความผิด จึงต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ” ย้ำว่า ไม่ได้พาดพิงถึงคนหนึ่งคนใด และพร้อมรับฟังทุกเสียงของประชาชน จากทุกช่องทาง แต่ขอรับฟังคำอธิบายจากรัฐบาลด้วย หากเรื่องใดทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศก็ยินดี แต่การบิดเบือนความ จงรักภักดีของนายกฯต่อสถาบัน รวมถึงบิดเบือนเพื่อสร้างความเกลียดชังในช่วงเวลาที่ประเทศ.
แนะนายกฯ : นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก แนะให้นายกฯพยายามใช้รัฐสภาเป็นเวทีประนอมอำนาจ โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ม.165 เสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นระหว่างนายกฯ กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา และอาจจะจบลงด้วยการเสนอตั้ง กมธ.ร่วมกันของรัฐสภา ในเวลาจำกัดเพื่อแสวงหาหนทางในรายละเอียดนำสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเป็นฉันทมติร่วมกัน ก่อนที่บ้านเมืองกลับสู่เหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ 6 ตุลารอบ 2.
ฝันไกลไปไม่ถึง : นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ ย้ำ รัฐธรรมนูญในฝันที่อยากได้คือ รัฐธรรมนูญที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนจริงจังและเป็นจริง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ฝ่ายต้องถูกตรวจสอบได้โดยประชาชน องค์กรตามรัฐธรรมนูญต้องไม่เป็นอิสระจากประชาชน และไม่อยู่ใต้ผู้มีอำนาจ กระบวนการยุติธรรมต้องยึดโยงประชาชน วิพากษ์วิจารณ์ได้ ต้องกำหนดชัดว่ารัฐบาลพลเรือนมีอำนาจเหนือกองทัพ ไม่ใช่ให้กองทัพเป็นอิสระจากรัฐบาลและรัฐสภา ทั้งนี้ควรตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ยกเว้นเงื่อนไขไพรมารีโหวตให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ส.ส. ได้ ให้มีนายกฯใหม่มาจากการเลือกตั้ง นำไปสู่การแก้มาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งกระบวนการ ที่สำคัญต้องส่งเสริมการเคลื่อนไหวของนักศึกษาให้มีมากขึ้น ตลอดกระบวนการจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน.
พลิกลิ้น : นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ระบุ ขณะนี้ทุกฝ่ายเห็นพ้องตรงกันที่จะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อลดความขัดแย้ง แต่ควรคุยกันว่าต้องการแก้ประเด็นใด ว่ากันให้ชัดๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมจะได้เร็ว ทันสถานการณ์ ไม่ใช่ปล่อยเป็นระเบิดเวลา ตอนนี้สถานการณ์กำลังแรงขึ้น ขืนชักช้าอาจไม่ทันแก้ อะไรทำได้รีบทำก่อนจะสายเกิน ส่วนตัวเห็นว่า ควรแก้ไม่ให้ ส.ว.มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ เจตนาขณะนั้นต้องการให้รัฐสภาประคองบ้านเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน ไม่ให้กระแทกเร็ว ไม่จำเป็นต้องใช้ ส.ว.โหวตนายกฯอีก อำนาจที่มาจากประชาชนคือความเข้มแข็งกว่าอำนาจใด.
ขับรถถังชนคนไทย : นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ระบุ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จริงใจแก้รัฐธรรมนูญ คงไม่สั่งให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ปธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เขียนมาตรา 256 ชนิดไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เลย เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ขับรถถังชนคนทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญจะกลายเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง ไม่แตกต่างอะไรกับเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หรือพฤษภาทมิฬ 35 รัฐธรรมนูญจะแก้ไขได้หรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้นำจิตวิญญาณของ ส.ว.เพียงคนเดียว และว่า ผู้เสพอำนาจนานๆ จะไม่รู้จุดจบ และกว่าจะรู้ตัวก็อาจสายไปเสียแล้ว”
ชัชชาติมาแล้ว : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม. ในนามอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ว่า ถ้ารัฐเอาจริงเอาจังกับคนที่ขับรถชนตำรวจตายหรือบ่อนการพนันที่ยิงกันตายไป 4 ศพ ได้สักเสี้ยวหนึ่งของการไล่จับดำเนินคดีผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง สังคมไทยน่าจะดีขึ้นกว่านี้เยอะ.
ขอโอกาสทีม ศก. : ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุ ควรให้โอกาสทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่นายกฯเชิญเข้าร่วม ครม.ครั้งนี้ เพราะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน และนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง มีประสบการณ์ตรงกับตำแหน่งเข้าใจถึงสภาพปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เป็นอย่างดี ทำให้ภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นต่อรัฐบาลว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ การวิพากษ์วิจารณ์ทำได้อย่างเสรี แต่อยากขอความกรุณาอดใจรอให้รัฐมนตรีชุดใหม่ได้พิสูจน์ฝีมือก่อน.
2 ล.รายไม่ยื่นภาษี : นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร ย้ำให้ผู้ยื่นแบบในปีภาษี 2562 ที่ยังไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการอีกกว่า 2 ล้านราย รีบมายื่นชำระภาษีโดยเร็ว ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th หรือจะยื่นผ่าน RD Smart Tax Application ทางโทรศัพท์มือถือเฉพาะแบบ ภ.ง.ด. 91 (กรณีไม่นำเงินได้ของคู่สมรสมายื่นรวม) ก็จะช่วยประหยัดเวลาการยื่นแบบฯ และได้รับคืนภาษีเร็วขึ้น เข้ากับรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ New Normal อนึ่ง ก่อนหน้านี้ มียื่นแบบชำระภาษีแล้ว รวมกว่า 9.57 ล้านราย.
ร.พ.ขาดเลือด : รศ. ร้อยเอก แพทย์หญิงปาริชาติ เพิ่มพิกุล หน.ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ย้ำว่า ช่วงนี้ ร.พ.ศิริราชกำลังขาดแคลนโลหิตเป็นอย่างมาก โดยมีความจำเป็นต้องใช้โลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 จึงทำให้สามารถออกหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ได้น้อยลง จนทำให้โลหิตที่มีอยู่ในคลังเลือดไม่เพียงพอ ซึ่งผู้ที่มีจิตศรัทธา สามารถบริจาคได้ที่ ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช ตึกนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ชั้น 3 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เวลา 08.30-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2414-0100, 0-2414-0102.