ประท้วงผู้นำเกาหลีใต้จากข่าวฉาว
ประชาชนชาวเกาหลีใต้หลายพันคนรวมตัวกันในกรุงโซลเพื่อเรียกร้องและกดดันให้นางสาวพัค กึน ฮเย ประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้ลาออกจากตำแหน่ง
โดยการประท้วงมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีพัคออกคำสั่งปลด 10 ที่ปรึกษาอาวุโสออกจากตำแหน่งหลังจากยอมรับว่าเธอได้อนุญาตให้เพื่อนสนิทปรับแก้ไขสุนทรพจน์ทางการเมืองหลายครั้ง
นางสาวชเว ซุน ซิล ซึ่งไม่มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เป็นผู้ต้องสงสัยในการแทรกแซงนโยบายทางการเมืองและหาประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่เธอมีกับผู้นำเกาหลีใต้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินอย่างผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ทีมสืบสวนของอัยการเกาหลีใต้ได้บุกบ้านหลายหลังที่มีความเกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีพัค โดยได้ยึดคอมพิวเตอร์และไฟล์ที่เป็นของเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับนางสาวชเว ซุน ซิล
เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า มีผู้ประท้วงประมาณ 8,000 คนที่มารวมตัวกันบนท้องถนนเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค. ในขณะที่ผู้ประสานงานของการประท้วงรายงานว่า มีผู้มาชุมนุมประท้วงถึง 20,000 คน โดยมีผู้ถือป้ายประท้วงจำนวนมากว่า “ ออกไป พัค กึน ฮเย ”
“ ประธานาธิบดีพัคสูญเสียอำนาจในฐานะประธานาธิบดีแล้ว และแสดงให้เห็นว่า เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะปกครองประเทศ ” นาย แจ มยุง ลี นักการเมืองฝ่ายค้านกล่าวกับสำนักข่าว Associated Press
ทั้งนี้ การแถลงขอโทษของประธานาธิบดีพัคทางโทรทัศน์เกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น กลับเป็นการจุดประกายข้อกล่าวหาของการบริหารงานผิดพลาดให้กว้างขวางแพร่หลายยิ่งขึ้น
ข่าวอื้อฉาวที่โหมกระหน่ำฉุดความนิยมในตัวผู้นำเกาหลีใต้ให้ตกต่ำลงอย่างที่สุดก่อนจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า โดยนักการเมืองฝ่ายค้านหลายคนเรียกร้องให้เธอลาออก
ประธานาธิบดีพัค วัย 64 ปี เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำของเกาหลีใต้หลังจากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2555 เธอเสนอให้มีการยืดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีออกไปเป็น 2 วาระติดต่อกันได้
นางสาวชเวเป็นบุตรสาวของเจ้าลัทธิชื่อดัง นายชเว แท มิน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้กับประธานาธิบดีพัคจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2537
ทั้งนี้ นางสาวชเวซึ่งออกจากเกาหลีใต้ไปเมื่อเดือนก.ย.และปัจจุบันอยู่ในเยอรมนีได้ปฏิเสธว่าไม่ได้มีผลประโยชน์ทางการเงินใดๆ จากการมีส่วนเชื่อมโยงกับรัฐบาล
โดยทนายของเธอกล่าวว่า เธอตระหนักดีถึงการเป็นแรงดึงดูดในสถานการณ์ที่ยุ่งยากนี้และตั้งใจจะเดินทางกลับเกาหลีใต้เพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนของอัยการ.