WHO เตือนไวรัสซิกาจะกระจายทั่วเอเชีย
การติดเชื้อไวรัสซิกามีความเป็นไปได้สูงที่จะแพร่กระจายไปทั่วเอเชีย อ้างอิงจากคำประกาศเตือนขององค์การอนามัยโลก (WHO)
โดยที่ผ่านมา มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาหลายร้อยรายในประเทศสิงคโปร์ ขณะที่มีการยืนยันถึงกรณีทารกที่มีศีรษะเล็กที่เกิดจากไวรัสซิกา 2 รายในประเทศไทย
ไวรัสซิกาที่เกิดจากการยุงกัดได้ทำให้มีผู้ติดเชื้อแพร่กระจายไปใน 70 ประเทศทั่วโลก โดยมีอย่างน้อย19 ประเทศในเอเชีย
นางมาการ์เรต ชาน ผู้อำนวยการของ WHO กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญยังคงศึกษาและคิดค้นหาวิธีการใหม่ๆเพื่อรับมือกับไวรัสชนิดนี้
ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ในการประชุมประจำปีที่กรุงมะนิลา ในฟิลิปปินส์ ทาง WHO รายงานว่า มีปัจจัยเสี่ยงสูงในภูมิภาคเอเชียที่จะมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจกลายเป็นวิกฤติโรคระบาดไวรัสซิกาได้
ตัวการสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อโรคนี้คือ ยุง Aedes ซึ่งสามารถพบได้เป็นบริเวณกว้างในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระดับของผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นประชากรในภูมิภาคนี้ อ้างอิงจากรายงาน
“ โชคร้ายจริงๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับคำถามสำคัญหลายคำถามที่เกี่ยวกับไวรัสซิกานี้ได้ ” นางชานกล่าวในการประชุม
อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้แล้วว่า ไวรัสซิกาอยู่ในเอเชียมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ผู้อำนวยการของ WHO กล่าวว่า สัญญาณแรกที่ชี้ให้เห็นไวรัสชนิดนี้ในหลายประเทศ มาจากนักท่องเที่ยวที่ได้รับการยืนยันว่า มีอาการติดเชื้อเมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน
“ หรือว่าเรามีการตรวจสอบการติดเชื้อของประชากรในบริเวณกว้างที่หละหลวม หรือหลักฐานที่ว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ” เธอถาม
ที่จริงแล้ว ไวรัสซิกาส่งผลกระทบต่อผู้ติดเชื้อไม่มากนัก แต่จะเป็นอันตรายต่อสตรีมีครรภ์อย่างร้ายแรงเนื่องจากสามารถส่งผลไปถึงทารกในครรภ์ ทำให้ทารกถือกำเนิดมาพร้อมกับภาวะศีรษะเล็กผิดปกติและมีสมองไม่สมบูรณ์
โดยการแพร่ระบาดของไวรัสซิกาอย่างกว้างขวางครั้งล่าสุดนี้ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศบราซิล.