เอดีบีหนุนไทยขายบอนด์ สวล. ล็อตแรก 4.28 หมื่นล.
สบน. ผนึก ธ.ก.ส.และ กคช. ออกพันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อม-สังคม-ความยั่งยืน ครั้งแรกของรัฐบาลไทย โดยเอดีบีพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เผย! ออกล็อตแรกในปี’63 รวม 4.28 หมื่นล้านบาท เปิดขายเฉพาะนักลงทุนสถาบันเท่านั้น เริ่ม ส.ค.นี้
วันที่ 24 ก.ค.2563 ที่ห้องวายุภักดิ์ 4 กระทรวงการคลัง, ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมสนับสนุนรัฐบาลไทยและรัฐวิสาหกิจ ออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พันธบัตรเพื่อสังคม และพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน โดยมี นายฮิเดกิ อิวาซากิ ผอ.สำนักงานผู้แทนเอดีบี นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผจก.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายวิญญา สิงห์อินทร รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) พร้อมตัวแทนสถาบันการเงินจากธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุศรีอยุธยา และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ (ไทย) ร่วมแถลงข่าว
นางแพตริเซีย กล่าวว่า สบน.ในฐานะตัวแทนรัฐบาล เตรียมออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พันธบัตรเพื่อสังคม และพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเป็นครั้งแรกของรัฐบาลไทย ร่วมกับรัฐวิสาหกิจอีก 2 แห่งคือ ธ.ก.ส. และ กคช. โดยในส่วนของ สบน.จะออกพันธบัตรฯ อายุ 15 ปี วงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท แยกเป็นปล่อยสินเชื่อต่อให้กับ รฟม.เพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะใช้ในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการจำหน่ายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันการเงิน การกำหนดอัตราดอกเบี้ยจึงขึ้นอยู่กับข้อเสนอของนักลงทุน โดยทั้งหมดมอบให้ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุศรีอยุธยา และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ (ไทย) เป็นผู้จัดจำหน่ายในเดือน ส.ค.2563 อย่างไรก็ตาม การออกพันธบัตรของ ธ.ก.ส.และกคช.นั้น กระทรวงการคลังไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกันฯให้ เนื่องจากรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่งมีเครดิตมากพอที่นักลงทุนจะเกิดความเชื่อมั่นได้ด้วยตัวเอง
ด้าน นายอภิรมย์ ระบุว่า ธ.ก.ส.มีแผนจะออกพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (กรีนบอนด์) ในช่วงปี 2563-2567 รวม 2 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2563 จะออกก่อนเพียง 6,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการสร้างพื้นที่ป่าและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการสินเชื่อปลูกป่าสร้างรายได้ สินเชื่อรักษ์ป่าไม้ไทยยั่งยืน สินเชื่อ Green Credit สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย และสินเชื่อ New Gen Hug บ้านเกิด เสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันเช่นกัน แต่ไม่เกิน 10 ราย
สำหรับเป้าหมายและประโยชน์ที่จะได้รับ เชื่อทำให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 5 แสนไร่ ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านต้น สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากมูลค่ารวมของต้นไม้ 4 แสนล้านบาท มูลค่าจากการเก็บของป่าขาย 1,130 ล้านบาทต่อปี รวมถึงสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ 950,000 ล้านตันต่อปี มูลค่าคาร์บอนเครดิต 95 ล้านบาทต่อปี และมูลค่าระบบนิเวศบริการ 89,737.48 บาทต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้ ยังทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 38,000 ครัวเรือน อีกทั้งเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 155,000 ราย
ส่วน นายวิญญา กล่าวว่า กคช.จะออกพันธบัตรอายุ 10 ปี ในรอบนี้ 6,000 ล้านบาท โดยนำไปใช้เพื่อการพัฒนาโครงการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน รวมถึงปล่อยสินเชื่อใหม่และเปิดให้ลูกค้าได้ทำการรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ จะเปิดขายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันเช่นเดียวกัน คาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นอยู่ระหว่าง 1.7-1.8%
ขณะที่ นายฮิเดกิ กล่าวว่า เอดีบีพร้อมให้การสนับสนุนการออกพันธบัตรในลักษณะดังกล่าวเนื่องจากเป็นกระแสที่รัฐบาลทั่วโลกดำเนินการมาตลอด เห็นได้ว่า ปี 2562 มีการออกพันธบัตรในลักษณะนี้มากกว่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2557 ในส่วนของอาเซียน แม้ปี 2652 จะมีการออกพันธบัตรดังกล่าวถึง 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2561 ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลในอาเซียนทำการออกกฎระเบียบและแนวทางใหม่ๆ เพื่อการนี้ อย่างไรก็ตาม ในอาเซียนยังมีสัดส่วนการออกพันธบัตรฯที่น้อยมากเมื่อเทียบกับทั่วโลก
“เอดีบีกำลังพัฒนายุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศฉบับใหม่กับไทย โดยการสนับสนุนทางวิชาการและทางการเงิน โดยเรื่องนี้จะยังคงเป็นเสาหลักสำคัญของยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ของไทย” ผอ.สำนักงานผู้แทนเอดีบี ระบุ.