ออสเตรเลียเตรียมสุ่มตรวจในสนามบิน
ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า ออสเตรเลียเตรียมตรวจทั้งพนักงานที่จะเข้าไปยังสนามบินและพนักงานภายในสนามบินเองแบบสุ่ม เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยหลังเกิดเหตุก่อการร้ายจากความขัดแย้ง
“มาตรการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแน่นหนาให้กับการควบคุมดูแลก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เจ้าพนักงานในสนามบินนั้นได้รับอนุญาต มีการพิสูจน์ตัวตนอย่างถูกต้อง และได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมก่อนจะเข้าทำงานในบริเวณเฉพาะของสนามบิน”
ดาร์เดน เชสเตอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและคมนาคม ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 22 ต.ค.
“นอกจากนี้เหล่าพนักงานทั้งหมดอาจถูกสุ่มตรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นได้”
ทางสนามบินได้ยกระดับรการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมแน่นหนามากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพบแผนการวางระเบิดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจากกลุ่มก่อการร้ายหรือไอเอส บนเที่ยวบินจากซิดนีย์ของสายการบินเอมิเรตส์
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ได้จับกุมชาย 4 ราย ในการโจมตีและก่อเหตุร้ายเมื่อวันที่ 28 ก.ค. หลังจากที่ชายรายหนึ่งในกลุ่มนี้ได้พยายามนำระเบิดแสวงเครื่องขึ้นไปยังเครื่องบิน เนื่องจากชายรายนี้มีสัมภาระที่น้ำหนักเกิน จึงทำให้ไม่ได้รับอนุญาตให้นำอุปกรณ์ดังกล่าวเดินทางไปด้วย
การตรวจสอบสัมภาระทั้งที่นำขึ้นเครื่องไปพร้อมผู้โดยสารและสัมภาระที่นำไปใต้เครื่องเป็นกรณีพิเศษเริ่มต้นขึ้นหลังเกิดเหตุดังกล่าว จนทำให้เที่ยวบินจำนวนมากทั่วทั้งประเทศต้องล่าช้าออกไป
นายมัลคอม เทิร์นบูลล์ นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียระบุว่า “มาตรการบางส่วนอาจนำมาใช้ให้ประชาชนได้เห็นชัดเจน บางส่วนก็อาจจะไม่”
ทางสภาที่ปรึกษาของรัฐบาลออสเตรเลียระบุเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ได้ทำการลงนามในข้อตกลงการใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์ใบหน้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐและรัฐบาลกลาง สามารถตรวจสอบภาพในพาสปอร์ต วีซ่า หลักฐานการเป็นพลเมือง และใบขับขี่ของอาชญากรได้แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงสามารถตรวจสอบผู้ต้องสงสัยในเหตุก่อการร้ายได้อีกด้วย
ทางนายกรัฐมนตรีระบุว่า การลงนามในข้อตกลงครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการเข้าตรวจสอบอย่าง “บิ๊กบราเธอร์” แต่เป็น “ขั้นตอนต่อไปที่สมเหตุสมผล”
เขาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการตอนเช้าของทางสำนักข่าวเอบีซีว่า “สำหรับทางเลือกอื่นนั่นก็คือไม่ใช่ข้อมูลใด ๆเลย”
ทางกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้ตอบคำถามที่ว่ามาตรการล่าสุดนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง แต่พวกเขาระบุว่า มาตรการนี้จะช่วย “สร้างความยืดหยุ่นให้กับสนามบิน เพื่อความมั่นใจในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล”.