ชาวระยอง จี้ “บิ๊กตู่” รับผิดชอบ ปม ทหารอียิปต์
ผู้อ้างว่าเป็นคณะตัวแทนผู้กอบธุรกิจ และตัวแทนประชาชนจังหวัดระยอง เข้ายื่นคำร้องถึง พล.อ.ประยุทธ์ ประณามการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่หละหลวม ไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงาน
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 ก.ค.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล น.ส.ธัชญา จวงสันทัด และ น.ส.พรพรรณ เภตรารัตน์ ระบุ เป็นคณะตัวแทนผู้กอบธุรกิจ และตัวแทนประชาชนจังหวัดระยอง เข้ายื่นคำร้องถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประณามการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่หละหลวม ไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงาน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. และเรียกร้องให้ยกเลิกการมีข้อยกเว้นแก่บุคคลต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยโดยการไม่กักตัว 14 วัน
น.ส.ธัชญา กล่าวว่า เนื่องจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ทำให้จังหวัดระยองต้องถูกล็อกดาวน์พร้อมกับจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศมาเป็นเวลาหลายเดือน และจังหวัดระยองก็เป็นจังหวัดที่สามารถควบคุมยอดผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี ไม่มีผู้ติดเชื้อมาเป็นระยะเวลากว่า 100 วัน โดยภาคประชาชน ภาคธุรกิจ และส่วนจังหวัดทำงานร่วมมือกันอย่างดี
จนกระทั่งช่วงวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2563 ทางรัฐบาลได้อนุญาตให้คณะทหารจากประเทศอียิปต์เข้ามาพักที่จังหวัดระยองโดยไม่มีการกักตัว 14 วันตามระเบียบ และยังหนีไปเที่ยวเผ่นผ่านปะปนกับประชาชนทั่วไปที่ตั้งใจปฏิบัติตามมาตรการเป็นอย่างดีมาตลอด ผลจากการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของคณะทหารจากอียิปต์ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 1 คน ต้องทำให้ประชาชนชาวระยองต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ทั้งเสี่ยงโรค และเสี่ยงธุรกิจโดนล็อกดาวน์อีกครั้ง
“เราไม่ได้มาเรียกร้องการเยียวยาใดๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากรออีก 14 วัน ซึ่งเป็น 14 วันนรกของชาวระยอง ว่าเราจะต้องกลับไปนับ 1 กันใหม่ หรือไปต่อได้ แต่เราต้องการความรับผิดชอบในการกระทำจากรัฐบาลและ ศบค. ว่าจะไม่นำเข้าชาวต่างชาติมาโดยไม่ได้รับการกักกัน 14 วันอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่มีข้อยกเว้นว่าจะเป็นแขกของใคร เป็นคนสำคัญขนาดไหน
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเดิมกับส่วนอื่นของประเทศอีก ให้ระยองเป็น case study ความผิดพลาดที่รัฐบาลต้องแก้ไขในทันที เพราะถ้าประชาชนไม่ใช่ผู้ที่สำคัญที่สุด รัฐบาลนี้ก็สมควรโดนคนไทยทั้งชาติประณามการกระทำที่ไร้ซึ่งไร้ประสิทธิภาพ สมควรแก่การลาออก และให้คนที่ทำได้ดีกว่ามาทำแทน” ตัวแทนชาวระยอง กล่าว