ส.ส.รีพับลิกันผ่านร่างกม.ภาษี
สภาผู้แทนราษฎรที่มีส.ส.จากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากโหวตลงมติเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องระบบภาษีสหรัฐฯ ที่ก่อให้เกิดประเด็นขัดแย้งอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอัตราภาษีนิติบุคคล
โดยการออกเสียงลงมติมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ไปเยือนสภาคองเกรสเพื่อโน้มน้าวส.ส. เกี่ยวกับแผนการปรับปรุงระบบภาษี ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยครั้งนัก
วุฒิสภากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาเสียงสนับสนุนสำหรับกฎหมาย แต่ส.ว.คนหนึ่งจากพรรครีพับลิกันระบุว่า เขาจะโหวตไม่รับ โดยแผนนี้ต้องเผชิญกับการคัดค้านจากพรรคเดโมแครตซึ่งกล่าวว่า เป็นกฎหมายที่เอื้อประโยชน์กับเศรษฐีอเมริกันเท่านั้น
ความพยายามของพรรครีพับลิกันที่จะผ่านกฎหมายซึ่งเป็นการยกเครื่องระบบภาษีของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 2529 เป็นบททดสอบครั้งสำคัญสำหรับพรรคและประธานาธิบดี
ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบภาษีของสหรัฐฯ มานานหลายปี แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากทำเนียบขาวจนกระทั่งการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเขาทำหน้าที่เหมือนเป็นเชียร์ลีดเดอร์สำหรับมาตรการนี้ โดยเรียกกฎหมายนี้ว่าเป็นของขวัญคริสมาสต์ชิ้นใหญ่และสวยงามสำหรับครอบครัวอเมริกัน
ร่างกฎหมายนี้ชนะไปด้วยเสียงสนับสนุน 227 ต่อ 205 เสียง โดยไม่มีเสียงสนับสนุนจากเดโมแครต และส.ส.13 คนของพรรครีพับลิกันโหวตไม่รับ
พอล ไรอัน ส.ส.ซึ่งเป็นผู้นำพรรครีพับลิกันในการลงมติในสภาส.ส. เรียกวันนี้ว่าเป็น ‘วันแห่งประวัติศาสตร์ ’ และทางทำเนียบขาวฉลองผลการลงมติของสภาส.ส.ว่าเป็น ก้าวที่ยิ่งใหญ่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ส.ว.จากพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาจะผ่านร่างกฎหมายได้โดยไม่มีเสียงสนับสนุนจากส.ว.พรรคเดโมแครต แต่พรรครีพับลิกันเองกำลังต้องประสบกับฝ่ายค้านภายในพรรคเอง ซึ่งอาจส่งผลต่อเสียงสนับสนุน เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ส.ว.รอน จอห์นสันกล่าวว่าเขาไม่สนับสนุนกฎหมายนี้ เพราะเขาไม่คิดว่าจะเป็นการช่วยธุรกิจขนาดเล็ก
โดยเนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางคือ การลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงจากเดิม 35 % เหลือ 20% และเปลี่ยนแปลงว่าผลกำไรและการจ่ายเงินในบริษัทสาขาย่อยในต่างประเทศต้องถูกเก็บภาษี นอกจากนี้ ยังช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลและครอบครัว ซึ่งบรรดาผู้สนับสนุนมองว่า การผ่อนคลายทางภาษีจะช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจได้
พรรครีพับลิกันประเมินว่า ครอบครัวอเมริกันโดยเฉลี่ยที่มีสมาชิก 4 คนจะลดภาษีที่ต้องจ่ายลงได้ประมาณ 1,182 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 39,077 บาท
นักวิจารณ์มองว่า กฎหมายจะเอื้อผลประโยชน์สูงสุดให้กับบริษัทขนาดใหญ่และกลุ่มมหาเศรษฐี ขณะที่ครัวเรือนจำนวนมากอาจมองว่าภาษีลดลงในระยะแรก แต่ผลประโยชน์เหล่านี้จะมีวันหมดอายุ.