เหตุระเบิดสถานีรถบัสในนิวยอร์ก
มีการจับกุมชายคนหนึ่งที่พยายามก่อการร้ายโจมตีสถานีรถบัสหลักของนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ
“ ผู้ก่อการร้ายจะไม่ชนะ ” บิล เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถบัสในแมนฮัตตันในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของเช้าวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุชื่อนายอคาเยด อัลลาห์ วัย 27 ปี ซึ่งเป็นผู้อพยพชาวบังคลาเทศ ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายจากระเบิดที่เขาเป็นคนประกอบด้วยตัวเอง อ้างอิงจากรายงานของทางการ
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 3 รายในช่วงที่เกิดระเบิดขึ้น
ภาพที่แพร่กระจายในโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นว่า มีชายคนหนึ่งซึ่งก็คือนายอคาเยด อัลลาห์ นอนอยู่บนพื้นในสภาพเสื้อผ้าฉีกขาดและมีแผลบนร่างกาย
ทั้งนี้ นายกเทศมนตรีเดอ บลาสิโอระบุว่า เชื่อว่าผู้ต้องสงสัยจะเป็นผู้วางแผนและลงมือก่อเหตุร้ายครั้งนี้เพียงคนเดียว
แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า “ นี่คือนิวยอร์ก ความจริงคือเราเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนจำนวนมากที่ต้องการจะต่อต้านระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านเสรีภาพ เรามีอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพที่อ่าวของเรา และทำให้เราเป็นเป้าหมายของนานาประเทศ ”
เหตุระเบิดเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 7.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น นายอันเดร โรดริเกซ วัย 62 ปี กล่าวกับสื่อนิวยอร์กไทม์ “ ผมกำลังจะเดินผ่านประตูทางเข้า แล้วผมก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง ทุกคนเริ่มวิ่งกันชุลมุน ”
พยานที่เห็นเหตุการณ์อีกคนคือ อลิกจา วลอดโคสกี กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เธอเห็นกลุ่มคนประมาณ 60 คนวิ่งอยู่ “ มีผู้หญิงล้ม และไม่มีใครหยุดที่จะช่วยเธอเลย เพราะทุกคนตื่นตระหนกและหวาดกลัวกันมาก ” เธอเล่า
มีคำสั่งอพยพผู้คนในสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้เคียง และสถานีรถบัสปิดทำการเป็นการชั่วคราว
สถานีรถโดยสารแห่งนี้เป็นสถานีรถบัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีผู้คนใช้บริการหนาแน่นมากที่สุดในโลก โดยมีผู้นิยมมาใช้บริการมากกว่า 65 ล้านคนต่อปี
นิวยอร์กไทม์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องสงสัยในย่านบรูคลินในนครนิวยอร์ก โดยเขาอาจเพิ่งทำงานในบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่นานมานี่้
โดยนายอัลลาห์อพยพเข้ามาในสหรัฐฯ และได้วีซ่าในปี 2554 รัฐบาลบังคลาเทศระบุว่า เขาไม่เคยมีประวัติอาชญากรในบังคลาเทศ ซึ่งเขาเพิ่งกลับไปเยือนบ้านเกิดครั้งสุดท้ายในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงของทำเนียบขาวแถลงว่า หากนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีผลบังคับใช้ ผู้ก่อเหตุร้ายเช่นชายคนนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในประเทศสหรัฐฯ
“ เหตุร้ายนี้ทำให้สภาคองเกรสควรทำงานร่วมกับท่านประธานาธิบดีเรื่องการปฏิรูประบบการตรวจคนเข้าเมืองเพื่อกระชับความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของสาธารณชน ” เธอเสริมในระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวเช้าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยให้การว่า เขาลงมือก่อเหตุเพราะไม่พอใจที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศยอมรับกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล และเขาลงมือกระทำเพียงคนเดียว ไม่มีคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย.