อดีตรมว.กลาโหมสหรัฐฯประณาม ‘ทรัมป์’
วอชิงตัน (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. หลังจากปฏิเสธที่จะวิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างชัดเจนมานาน เจมส์ แมตทิส อดีตรมว.กลาโหมสหรัฐฯ ก็ออกโรงกล่าวหาทรัมป์ว่าพยายามแบ่งแยกอเมริกา และประณามแนวคิดที่จะให้กำลังทหารกองทัพสหรัฐฯเข้าปราบปรามการประท้วง
คำพูดของแมตทิส ซึ่งเป็นนายพลเรือเกษียณผู้ทรงอิทธิพลที่ขอลาออกเนื่องจากมีนโยบายที่แตกต่างกับทรัมป์ในปี 2561 ถือเป็นคำพูดที่รุนแรงที่สุดของอดีตผู้นำกระทรวงกลาโหมคนนี้ที่มีต่อการรับมือกับการประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์
“ โดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกในช่วงชีวิตผม ที่ไม่พยายามรวมใจชาวอเมริกันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่แม้แต่จะแกล้งทำว่าพยายามแล้ว ” แมตทิส ซึ่งลาออกจากตำแหน่งรมว.กลาโหมของรัฐบาลทรัมป์ในปี 2561 ระบุในถ้อยแถลงที่ตีพิมพ์ในสื่อ The Atlantic
ทรัมป์ประกาศที่จะใช้กองกำลังสหรัฐฯในการรับมือกับการประท้วงต่อต้านความทารุณโหดร้ายของตำรวจ หลังการเสียชีวิตของฟลอยด์ด้วยน้ำมือตำรวจผิวขาว ที่ใช้เข่ากดคอเขาที่ไร้อาวุธนานเกือบ 9 นาทีในเมืองมินนอาโพลิสสัปดาห์ที่แล้ว
โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ทรัมป์ขู่จะส่งทหารสหรัฐฯเข้าสลายการชุมนุมในหลายเมือง ซึ่งขัดแย้งกับเจตนาของบรรดาผู้ว่าการรัฐส่วนใหญ่
“ การใช้กำลังทหารของกองทัพรับมือการประท้วง อย่างที่เราเห็นในกรุงวอชิงตัน ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เป็นความขัดแย้งที่ผิดพลาด ระหว่างกองทัพและสังคมพลเมือง” แมตทิสระบุ
ทำให้ทรัมป์ตอบโต้บนทวิตเตอร์ทันทีโดยเรียกแมตทิสว่า “นายพลที่ไม่เก่งที่สุดในโลก ! ”
“ ผมไม่ชอบภาวะผู้นำของเขา หรือเรื่องอื่นๆของเขา และหลายคนก็เห็นเหมือนกัน ดีใจที่เขาออกไป ! ”
เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่โดดเด่นในแวดวงกองทัพ คำพูดที่รุนแรงของแมตทิสอาจจุดประกายให้คนอื่นๆในเครื่องแบบแสดงความเห็นออกมา ที่ผ่านมา เขาลำบากใจที่จะวิจารณ์ทรัมป์เมื่อถูกสัมภาษณ์ นับตั้งแต่เขาลาออกไปเพราะมีนโยบายที่แตกต่างกับทรัมป์
ความเห็นของแมตทิสสอดคล้องกับคำประณามของอดีตนายพลเรืออย่างไมค์ มุลเลน และนายพลเกษียณมาร์ติน เดมพ์ซีย์ ทั้งสองคนเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพ
ขณะที่นายพลมาร์ค มิลลีย์ ออกแถลงการณ์ถึงกำลังทหารเพื่อเตือนให้ระลึกถึงคำปฏิญาณที่จะพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งให้ชาวอเมริกัน “มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ” โดยผู้นำเหล่าทัพคนอื่นๆก็พากันส่งสารที่เหมือนกัน
เพราะแมตทิสเรียกร้องความเป็นเอกภาพ เขายังได้เปรียบเทียบกับสงครามที่สหรัฐฯทำกับนาซีในเยอรมนี โดยระบุว่า กองกำลังสหรัฐฯควรระลึกถึงช่วงเวลาก่อนบุกขึ้นฝั่งที่อ่าวนอร์มังดี “ คำขวัญของนาซีในการทำลายเรา คือการแบ่งแยกและยึดครอง คำตอบของชาวอเมริกันคือ สามัคคีคือพลัง ”
นอกจากนี้ แมตทิสยังได้วิพากษ์บรรดาผู้นำกองทัพที่เข้าร่วมในการถ่ายภาพโปรโมทกับทรัมป์ หลังจากทรัมป์ใช้กำลัง National Guard ในการยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วงอย่างสันติเพื่อเปิดทางให้เขาไปโบสถ์เซนต์จอห์นใกล้ทำเนียบขาวเพื่อถ่ายภาพ
โดยเขาวิจารณ์การใช้คำว่า “พื้นที่รบ” ของรมว.กลาโหมมาร์ค เอสเปอร์ และมิลลีย์ในการบรรยายสถานที่การประท้วงในสหรัฐฯในระหว่างการคุยโทรศัพท์กับบรรดาผู้ว่าการรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเอสเปอร์ ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากแมตทิสกล่าวว่า เขารู้สึกเสียใจที่ใช้คำนั้น
“ เราต้องปฏิเสธความคิดที่จะเรียกเมืองของเราว่า พื้นที่รบ” แมตทิสระบุ
ในวันที่ 3 มิ.ย. เอสเปอร์ระบุในการแถลงข่าวว่า เขาไม่สนับสนุนการใช้กฎหมายปราบกบฎเพื่อสนับสนุนให้ใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมในตอนนี้ โดยระบุว่า ไม่ส่งผลดีกับประธานาธิบดีและบรรดาที่ปรึกษาของเขา
ขณะที่ผู้บัญชาการ National Guard ได้ออกแถลงการณ์เดือด โดยประณามการเหยียดเชื้อชาติ และเตือนให้กองกำลังของเขาระลึกถึงคำสัตย์ปฏิญาณต่อรัฐธรรมนูญ