ศูนย์ข้อมูลฯคาดสิ้นปี63สต๊อกสะสม2.12แสนหน่วย
ศูนย์ข้อมูลฯประเมินภาวะตลาดอสังหาฯที่ชะลอตัว อัตราการดูดซับโครงการที่อยู่อาศัยลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปีที่ร้อยละ 4.2 ทำให้คาดว่าภายในสิ้นปี 63 สต๊อกเหลือขายสะสมจะมีอยู่ในระบบ 212,750 หน่วย มูลค่า1.34 ล้านลบ.
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ทางศูนย์ฯได้จัดทำรายงานสรุป ผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัย ที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ในพื้นที่กรุงเทพฯ–ปริมณฑล นับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย โดยภาพรวมมีที่อยู่อาศัยเสนอขายจำนวนรวม 209,868 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกปี62 ประมาณร้อยละ 7.3 โดยมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ลดลงร้อยละ -21.7 ในขณะที่จำนวนหน่วยเหลือขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ15.6
ในจำนวนหน่วยเหลือขายทั้งหมด เป็นหน่วยสร้างเสร็จเหลือขาย 40,792 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 157,140 ล้านบาท และคาดการณ์ปี63 จะมีที่อยู่อาศัยเหลือขายสะสมจำนวน 212,750 หน่วย มีมูลค่า1,340,233 ล้านบาท
จากการสำรวจภาคสนามในช่วงครึ่งแรกปี62 มีจำนวนโครงการที่ยังอยู่ระหว่างขายในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 1,670 โครงการ มีหน่วยเหลือขายจำนวน 151,993 หน่วย เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังปี62 มีจำนวนอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวน 56,411 หน่วย ส่งผลให้มีที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 1,714 โครงการ รวมมีจำนวนหน่วยเสนอขาย 209,868 หน่วย และมีอุปทานเหลือขายจำนวน 175,754 หน่วย มูลค่ารวม 765,037 ล้านบาท
ในจำนวนโครงการที่ยังอยู่ระหว่างขายในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลทั้งหมด ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 1,177 โครงการ จำนวน 114,146 หน่วย ขายได้ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 14,646 หน่วย และมีหน่วยเหลือขายจำนวน 99,500 หน่วย คิดเป็นมูลค่าเหลือขาย 459,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 และเป็นโครงการอาคารชุด 537 โครงการ จำนวน95,722 หน่วย ขายได้ใหม่ 19,468 หน่วย เหลือขาย 76,254 หน่วย มูลค่าเหลือขาย 305,882 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ11.1
ด้านการขายในช่วงครึ่งหลังของปี62 หน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 34,114 หน่วยเทียบครึ่งแรกของปี62 ปรับลดลงร้อยละ -21.7 โดยอาคารชุดและทาวเฮาส์ มีจำนวนหน่วยเหลือขายในระดับที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยอาคารชุดและทาวน์เฮ้าส์มีหน่วยเหลือขายจำนวน 56,213 หน่วย ในขณะที่บ้านเดี่ยวมีหน่วยเหลือขายจำนวน 28,182 หน่วย
ทั้งนี้ ภาพรวมของอัตราการดูดซับในครึ่งหลังของปี62 ลดต่ำลงมาค่อนข้างมาก สะท้อนให้เห็นว่าภาวการณ์ขายไม่ดี อุปทานในระหว่างการขายมีจำนวนมากขึ้น แต่อัตราการขายได้ใหม่น้อยลง อัตราการดูดซับจึงลดต่ำลง โดยในช่วงครึ่งหลังปี62 อัตราดูดซับต่อเดือนลดเหลือเพียงร้อยละ 2.7 ต่ำกว่าค่ามาตรฐานเฉลี่ย 5 ปี ที่เฉลี่ยร้อยละ4.2 โดยกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไปมีอัตราดูดซับน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯคาดการณ์ว่าในปี 2563 จะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่สะสมจำนวนประมาณ 79,408 หน่วย และมีหน่วยเหลือขายสะสม 212,750 หน่วย.