ธสน.สรุปมาตรการอุ้มลูกค้า-ผู้ส่งออกสู้โควิดฯ
EXIM BANK แจงช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก สั่งเดินหน้าออกมาตรการ “6 +1” ทั้งพักชำระหนี้ และขยายสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หวังเยียวยาและช่วยเหลือลูกค้า-ผู้ส่งออก โดยเฉพาะ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตรอบนี้
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน. หรือ EXIM BANK) กล่าวภายหลังเข้าร่วมแถลงข่าวการดำเนินมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ในโครงการ “ก้าวต่อไปเราไม่ทิ้งกันสู้ภัยโควิด-19” ที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า ธนาคารฯได้ช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจส่งออก นำเข้า และนักลงทุนไทยจากผลกระทบของโควิด-19 ด้วยมาตรการต่าง โดยติดต่อไปยังลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามความเดือดร้อนและจัดแพ็กเกจทางการเงินที่เหมาะสมให้ตามความต้องการของธุรกิจ
ณ 15 พฤษภาคม 2563 ธนาคารฯได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบของโควิด-19 เป็นจำนวน กว่า 4,100 ราย หรือประมาณ 13% ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ วงเงินรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจด้านการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการขอรับคำปรึกษาด้านการส่งออกและเข้าร่วมโครงการอบรมหรือสัมมนาออนไลน์กับศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของ EXIM BANK จำนวนกว่า 1,100 ราย
ทั้งนี้ มาตรการของ EXIM BANK เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ประกอบด้วย
1. การพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
2. การขยายเงื่อนไขบริการประกันการส่งออก เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยขยายระยะเวลาการชำระเงินที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 270 วันแก่ผู้ส่งออกที่ถือกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ EXIM BANK และส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
3. สินเชื่อ Soft Loan ดอกเบี้ย 2% ต่อปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าและผู้ส่งออก
• สินเชื่อระยะยาว 7 ปี สำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วไป วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีในปีที่ 1-2
• สินเชื่อระยะสั้น 2 ปี สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินรวมกลุ่มไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินสูงสุด 20% ของยอดหนี้คงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2562 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปี ฟรี! ดอกเบี้ย 6 เดือน และ ฟรี! ค่าธรรมเนียมการใช้สินเชื่อ
4. สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ให้แก่กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุนระหว่างประเทศ ดอกเบี้ยต่ำสุด 3% ต่อปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี
5. สินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี
6. สินเชื่อสนับสนุนสินค้าเกษตร อาทิ ผลไม้ และยาง
7. การให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์ 0 2617 2111 ต่อ 3510-2 และ จัดอบรมออนไลน์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ธนาคารฯได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเยียวยาลูกค้าและผู้ส่งออก ในรูปแบบการพักชำระหนี้และให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าปกติ การขยายบริการประกันการส่งออก เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยกล้าเสนอเทอมการชำระเงินที่ผ่อนปรนขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ตลอดจน การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในย่างกุ้ง เวียงจันทน์ และพนมเปญ เพื่อให้ข้อมูลเศรษฐกิจและบทวิเคราะห์ธุรกิจ ชี้ช่องทางและโอกาสของผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
“EXIM BANK ได้ติดตามสถานการณ์และความเดือดร้อนของลูกค้าและผู้ประกอบการไทยในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุน และออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การลดดอกเบี้ย MLR MOR และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง MRR ให้อยู่ระดับ 5.75% ต่ำสุดในระบบธนาคาร ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563 เพื่อช่วยผู้ประกอบธุรกิจส่งออก โดยเฉพาะ SMEs การจัดให้มีแพ็กเกจทางการเงินและข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าและผู้ส่งออกที่สนใจ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนและความรู้ ควบคู่กับการขยายเครือข่ายธุรกิจให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมของตลาดผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสู่ฐานวิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal พร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นต่อไป” นายพิศิษฐ์ ย้ำ.