ไฟเขียว “แผน PDP” ค่าไฟ 3.58 บาทต่อหน่วย 20 ปี
บอร์ด กพช. เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 61-80 ค่าไฟฟ้าขายปลีกเฉลี่ย 3.58 บาทต่อหน่วย และให้ กบง. และ กกพ. ดำเนินการโครงการโซลาร์ภาคประชาชน เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561 – 2580 (PDP 2018) ตามที่กระทรวงพลังงาน(พน.) เสนอ โดยการทบทวนสถานการณ์กำลังผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน และได้จัดทำการพยากรณ์ค่าความต้องการใช้ไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี ประกอบด้วย
ความต้องการใช้ไฟฟ้าของระบบ 3 การไฟฟ้า และความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มาจากการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองหรือขายตรง (Independent Power Supply: IPS) ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค ได้สะท้อนแนวนโยบายของรัฐบาลและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของแผนปฏิรูปด้านพลังงาน และได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนแล้ว มีสาระสำคัญ คือ
ภาพรวมของกำลังการผลิตไฟฟ้าในช่วง ปี 2561 – 2580 โดยกำลังผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 2560อยู่ที่ 46,090 เมกะวัตต์ มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ปลดออกจากระบบ ในช่วงปี 2561 – 2580 จำนวน 25,310 เมกะวัตต์ ส่วน กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ ในช่วงปี 2561 – 2580 จำนวน 56,431 เมกะวัตต์ รวมกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้นถึงปี 2580 อยู่ที่ 77,211 เมกะวัตต์
ส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ในช่วงปี พ.ศ. 2561 – 2580 จำนวน 56,431 เมกะวัตต์ แยกตามประเภทโรงไฟฟ้า ประกอบด้วย
โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 20,766 เมกะวัตต์ ,โรงไฟฟ้าพลังน้ำสูบกลับ 500 เมกะวัตต์ ,โรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น 2,112เมกะวัตต์,โรงไฟฟ้าความร้อนร่วม 13,156 เมกะวัตต์,โรงไฟฟ้าถ่านหิน/ลิกไนต์ 1,740เมกะวัตต์ ,รับซื้อจากต่างประเทศ5,857 เมกะวัตต์,โรงไฟฟ้าใหม่/ทดแทน 8,300 เมกะวัตต์,แผนอนุรักษ์พลังงาน4,000 เมกะวัตต์
โรงไฟฟ้าตามนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ ในช่วงปี 2561 – 2580 ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะ 400 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐ 120 เมกะวัตต์ รวม 520 เมกะวัตต์
โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนตามแผน AEDP ประกอบด้วย ชีวมวล 3,376 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ 546 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 10,000 เมกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2,725 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,485 เมกะวัตต์ ขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ 18,176 เมกะวัตต์
สัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าแยกตามประเภทเชื้อเพลิง ณ ปี 2580 ที่ไม่ได้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล มีสัดส่วนร้อยละ 35 คือ พลังน้ำต่างประเทศ (ร้อยละ 9) พลังงานหมุนเวียน (ร้อยละ 20) การอนุรักษ์พลังงาน (ร้อยละ 6) สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงเหลือร้อยละ 12 การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จะสอดคล้องกับข้อตกลงของ COP21 ณ ปี 2580 เท่ากับ 0.283 kgCO2/kWh หรือ 103,845 พันตัน
สำหรับ ประมาณการค่าไฟฟ้าขายปลีก ในช่วงปี 2561 – 2580 อยู่ระหว่าง 3.50 – 3.63 บาทต่อหน่วย หรือเฉลี่ย 3.58 บาทต่อหน่วย
นอกจากนั้นยังให้กระทรวงพลังงาน มีการทบทวนใหม่ทุก 5 ปี หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของแผนอย่างมีนัยสำคัญ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้า การเป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้าในภูมิภาค การเชื่อมโยงกับระบบจำหน่าย เพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียนในอนาคต
และให้ กบง. พิจารณาแนวทางการจัดหาโรงไฟฟ้าให้เป็นไปตามแผน PDP 2018 ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับซื้อไฟฟ้า ระยะเวลา พื้นที่ ปริมาณและราคารับซื้อไฟฟ้า เทคโนโลยีและเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า รวมถึงประเด็นอื่นๆ โดยคำนึงถึงความมั่นคงของระบบไฟฟ้าภาคตะวันตกและภาคใต้ ความพร้อมและการยอมรับชนิดของเชื้อเพลิงในด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
มอบ กฟผ. ดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าของประเทศเพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพ เป็นศูนย์กลางซื้อขายไฟฟ้า (Grid connection) ในภูมิภาค รวมถึงการเชื่อมโยงกับระบบจำหน่าย เพื่อให้สามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนในอนาคต (Grid Modernization)
รวมทั้งยังให้ กบง. และ กกพ. พิจารณาแนวทางการดำเนินการโครงการพลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์ภาคประชาชน ปีละ100 เมกะวัตต์ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ.