“GPSC” ลุยแผนเดิม หลังเจาะสำรวจความต้องการไฟฟ้า
GPSC เดินหน้าลงทุนทุกโครงการได้ตามแผนเดิม หลังผลสำรวจพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่อเนื่อง พร้อมโชว์รายได้ไตรมาสแรก ทะลุ 18,308 ล้านบาท
ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและภาคธุรกิจในภาพรวมของประเทศ ทำให้ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. ได้ทำการสำรวจและติดตามแผนการดำเนินงานของกลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิด พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำในปริมาณที่ใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จึงได้คงแผนการผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ตามเดิมที่วางไว้ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการเพื่อสร้างความมั่นคงในระบบการผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคให้ได้อย่างต่อเนื่อง
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC บอกว่า แผนดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทเดินหน้าโครงสร้างองค์กรใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ภายหลังการเข้าซื้อกิจการ GLOW ซึ่งได้เข้ามาเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท GPSC (GPSC Group) ภายใต้การบริหารงานที่เป็นองค์กรเดียวกัน ก่อให้เกิดความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยการจัดทำแผน Synergy ทั้งทางด้านประสิทธิภาพ ความพร้อมจ่าย และการสร้างความมั่นคงในระบบการจัดส่งไฟฟ้าและไอน้ำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนของแผนการจัดทำ Synergy ของทั้งสองบริษัท ในระหว่างปี 2562 – 2567 คาดว่าในปีนี้ จะเริ่มรับรู้มูลค่าการทำ Synergy ร่วมกันได้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 400 – 500 ล้านบาท โดยมาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า และโครงข่ายร่วมกัน รวมถึงส่วนงานซ่อมบำรุง ที่จะมีการบริหารจัดการสัญญาซ่อมบำรุงระยะยาวให้เกิดประสิทธิภาพ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ และยังมีส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพในแผนการจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารต้นทุนและลดต้นทุนสินค้าคงคลัง ในการจัดซื้อให้เกิดส่วนลดจากปริมาณที่มากขึ้น
รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน การประกันภัย การบริหารเงินทุนหมุนเวียน ที่นำไปสู่การบริหารองค์กรให้มีค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยมีเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2567 จะรับรู้มูลค่าการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว ประมาณ 1,600 ล้านบาท
และ แม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากนัก แต่มีการประเมินว่าโควิด-19 อาจจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ส่งผลให้เกิดการชะลอตัว บริษัทฯ จึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ ในไตรมาส 2 อย่างใกล้ชิด
ส่วนแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) และการจัดเตรียมสถานที่ควบคุมพิเศษ (Safe House) ของพนักงานสายปฏิบัติงาน และการปฏิบัติงาน ณ สถานพักอาศัย (Work From Home) ของสายสนับสนุนการผลิตนั้น บริษัทฯ ยังคงใช้มาตรการอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศจะคลี่คลายลง
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 18,308 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9,241 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 1,580 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 638 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการรับรู้ผลประกอบการจากบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW เต็มไตรมาสเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่รับรู้รายได้เพียง 18 วัน
ทั้งนี้รายได้จากผลประกอบการหลักๆ ได้แก่ จากการขายไฟฟ้าประเภทผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระรายใหญ่ (IPP) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2,864 ล้านบาท โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าศรีราชาเพิ่มขึ้น 461 ล้านบาท จากการเรียกรับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การรับรู้ได้รายได้จาก IPP ทั้ง 3 แหล่งของ GLOW เพิ่มขึ้น 2,403 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสแรกปี 2562 รับรู้รายได้เพียง 18 วัน โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6,390 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จาก GLOW เต็มไตรมาส ขณะที่รายได้ของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 13 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2563 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 435 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 38% จากรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (AP) ของโรงไฟฟ้าศรีราชาและโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาส 1/63 และกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
รวมถึงต้นทุนค่าบำรุงรักษาที่ปรับตัวลดลง เพราะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรตามแผน ดังเช่นไตรมาส 4/62 นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินมีการปรับตัวลดลงภายหลังการปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินตามแผนชำระเงินคืนกู้ยืมระยะสั้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 และไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ที่ผ่านมา.