ส่งออกญี่ปุ่นทรุด
เมื่อวันที่ 23 พ.ค.หน่วยงานภาครัฐของญี่ปุ่นได้เปิดเผยข้อมูลว่า ญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีตัวเลขการส่งออกที่ย่ำแย่ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ดูมืดมนยิ่งขึ้น
ยอดส่งออกลดต่ำลงถึง 10.01% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์และแย่กว่าตัวเลขส่งออกในเดือนมี.ค.ซึ่งจัดว่าเป็นการปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน
ขณะเดียวกันยอดการนำเข้าก็ลดฮวบลงถึง 23% แย่กว่าตัวเลขคาดการณ์ว่าจะลดลง 19% จากโพลล์ของ สำนักข่าวรอยเตอร์ และย่ำแย่กว่าตัวเลขนำเข้าในเดือน มี.ค.ที่ลดลง 14.9%
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้กลับส่งผลทำให้ญี่ปุ่นยังคงได้ดุลการค้าสูงถึง 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ญี่ปุ่นซึ่งต้องดิ้นรนต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศมานานกว่า 2 ทศวรรษ กำลังเป็นเจ้าภาพในการประชุมเศรษฐกิจ จี-7 ของผู้นำจาก 7 ประเทศมหาอำนาจในเมืองเซนได
เจ้าหน้าที่รัฐคาดการณ์ว่า อาจจะมีการแทรกแซงตลาดเงินเพื่อพยุงตลาดเงินให้เป็นไปในทิศทางที่น่าพอใจ แต่ในการประชุมจี-7 สหรัฐอเมริกากลับออกโรงเตือนให้ญี่ปุ่นหยุดการแทรกแซงค่าเงินด้วยการลดค่าเงินเยนลง
นายรอน เนปิเอร์ หัวหน้าที่ปรึกษาประจำเนปิเอร์ อินเวสเมน์ แอดไวเซอร์ กล่าวว่า “นายกฯ อาเบะพยายามจะ พูดให้ที่ประชุมจี-7 แสดงท่าทีในเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่สนใจ ทำให้นายกฯ อาเบะต้องติดกับสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อไป นี่ไม่ใช่ปีของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ อย่างที่เขาเคยพูดถึงตั้งแตตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งนายกฯในปี 2555”
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ประจำสถาบันเนทิซิส เอเชีย มองว่า ถึงแม้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของญี่ปุ่นจะมีการขยายตัวดีเกินคาดในไตรมาสแรกที่ผ่านมา แต่นายกฯ อาเบะและนายคูโรโดะ
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นทราบดีว่า ญี่ปุ่นอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอีก โดยเฉพาะถ้าเงินเยนแข็งค่าขึ้น มีรายงานจากนักวิเคราะห์ว่าการค้าในเดือน เม.ย.สะท้อนถึงอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ลดลงโดยสาเหตุสำคัญ มาจากเศรษฐกิจจีนที่กำลังซบเซาเห็นได้ชัดจากตัวเลขส่งออกจากญี่ปุ่นไปจีนซึ่งเเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญที่ลดลงถึง 7.6%
นายเฟรเดอริค นิวแมนน์ หัวหน้าร่วมในการทำวิจัยเศรษฐกิจเอเชียประจำธนาคารเอชเอสบีซีชี้ให้เห็นว่า “ไม่ใช่แค่อุปสงค์ซบเซาในการค้าของเอเชียเท่านั้น แต่มีปัจัยอื่นๆอีกมากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกจะไม่ช่วยหนุนการส่งออกของญี่ปุ่นมากเท่าแต่ก่อน ความสัมพันธ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว”
เขายังกล่าวเสริมว่า “การขาดความเป็นอิสระทางการค้าในช่วงหลายปีมานี้ ก่อให้เกิดผลกำไรที่ดี อย่างไรก็ตามการใช่้จ่ายในฝั่งชาติตะวันตกเปลี่ยนจากการบริโภคสินค้าที่ผลิตในเอเชียเช่น สมาร์ทโฟนมาเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศของตนอย่างแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนแทน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การฟื้นตัวของการส่งออกของญี่ปุ่นจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้”
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 35.78 บาท วันที่ 23 พ.ค.2559