เยอรมนีคลายล็อกดาวน์อย่างระวัง
เยอรมนีมีโรดแม็ปเพื่อการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์อย่างระมัดระวัง ขณะที่ในสหราชอาณาจักร รัฐบาลเตรียมขยายเวลาล็อกดาวน์ประเทศออกไปอีก ท่ามกลางเสียงเรียกร้องมากขึ้นให้มียุทธศาสตร์การเปิดประเทศที่ชัดเจน
โดยเมื่อวันที่ 15 เม.ย. เยอรมนีประกาศว่าร้านค้าขนาดเล็ก ( มีพื้นที่ค้าปลีกต่ำกว่า 800 ตารางเมตร) จะได้รับอนุญาตให้เปิดบริการได้อีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. ตราบเท่าที่ทางร้านมีสุขอนามัยที่ดีและบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด จากรายงานข่าวของสื่อในเยอรมนี นอกจากนี้ ผู้จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์และร้านหนังสือก็สามารถเปิดให้บริการได้เช่นกัน
ขณะที่โรงเรียนจะเปิดทำการเรียนการสอนในวันที่ 4 พ.ค.โดยให้ความสำคัญกับนักเรียนที่ต้องสอบก่อน อย่างไรก็ตาม ยังคงห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่า ร้านอาหารและบาร์จะได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้เป็นลำดับถัดไป
“ เราต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างสูงสุด” นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันที่ 15 เม.ย. โดยเตือนว่าประเทศ “กำลังเดินอยู่บนน้ำแข็งก้อนบางๆ”
เยอรมนีได้รับการยกย่องชื่นชมในด้านการรับมือกับวิกฤตไวรัสโควิด-19 แม้จะมีผู้ติดเชื้อกว่า 127,000 ราย แต่กลับมียอดผู้เสียชีวิตเพียง 3,804 ราย จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส ซึ่งตรงข้ามกับอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิตถึง 21,645 รายและสเปนมีผู้เสียชีวิต 18,812 ราย
การจัดการกับการระบาดของไวรัสยังรวมถึงการตรวจทดสอบจำนวนมาก และการติดตามสอบสวนโรค รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ประเทศที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขต้องทำงานเกินศักยภาพ
ขณะที่เยอรมนีมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สหราชอาณาจักรดูจะยังอยู่ในสถานการณ์ที่สับสน มีเสียงคำวิจารณ์ดังขึ้นเรื่อยๆในการรับมือกับวิกฤตไวรัสของรัฐบาล เนื่องจากมีการตรวจทดสอบผู้ติดเชื้อจำนวนน้อย และขาดอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง
โดมินิก ราบบ์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีแทนบอริส จอห์นสัน ในช่วงที่เขาพักฟื้นจากอาการป่วยจากโควิด-19 จัดการประชุมกับรัฐมนตรีคนอื่นๆในวันที่ 16 เม.ย. และเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน
คาดการณ์ว่าสหราชอาณาจักรจะขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ออกไปอีก 3 สัปดาห์ เนื่องจากมีคำเตือนว่าสหราชอาณาจักรอาจกลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนามากที่สุดในยุโรป
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชั้นนำของสหราชอาณาจักรระบุเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ว่า ประเทศกำลังมาถึงจุดพีคของวิกฤต ( ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 12,868 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตถึง 761 รายในวันที่ 15 เม.ย.) แต่ยังคงเร็วเกินไปที่จะพิจารณายกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.
“ ความเห็นของเราคือเรามาถึงจุดพีคโดยรวม” คริส วิททีย์ ประธานที่ปรึกษาทางการแพทย์ของสหราชอาณาจักรระบุในการแถลงข่าวของรัฐบาลในวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา “ เรายังไม่ถึงจุดที่เราสามารถพูดได้อย่างเชื่อมั่นและปลอดภัยได้ว่า เราผ่านจุดพีคมาแล้วและเราเริ่มคิดถึงเฟสต่อไปได้ ”
ไม่เพียงแต่สหราชอาณาจักร แต่ฝรั่งเศสเองก็ขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปจนถึงวันที่ 11 พ.ค. แต่สหราชอาณาจักรดูจะตามหลังฝรั่งเศสอยู่ในแง่ของการตรวจทดสอบไวรัส ซึ่งเป็นการช่วยระบุว่าใครมีความปลอดภัยมากพอที่จะกลับไปทำงาน และใครที่ไม่ปลอดภัยพอ
โดยเมื่อเปรียบเทียบกัน เจนส สปาห์น รมว.สาธารณสุขเยอรมนีระบุในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เยอรมนีตรวจทดสอบการติดเชื้อไวรัสไปแล้วกว่า 100,000 คน