ปฏิบัติการช่วยเหลือหลังแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น
ประชาชนนับหมื่นคนต้องผจญกับสภาพอากาศเย็นและเปียกปอนในที่พักชั่วคราวหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งบนเกาะคิวชู ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มากกว่า 240,000 คนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยท่ามกลางความหวาดกลัวว่าฝนที่ตกหนักอาจก่อให้เกิดดินถล่มและความเสียหายตามมาอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิงจากรายงานล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ราย จากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 14 และ 15 เม.ย. ที่ผ่านมาโดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับการรักษาแล้วประมาณ 2,000 ราย
เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.3 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เวลา 01.25 น. ใกล้กับเมืองคุมาโมโตะ หลังจากมีแผ่นดินไหวขนาด 6.4 แมกนิจูด เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 14 เม.ย. โดยแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในระยะตื้นใต้พื้นดิน จึงสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงกับถนน สะพาน อุโมงค์ บ้านเรือนและตึกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เหตุดินถล่มทำให้หมู่บ้านในภูเขาห่างไกลถูกตัดขาด ประมาณ 100,000 ครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้และบ้านเรือนประมาณ 400,000 หลังไม่มีน้ำประปาใช้
มีรายงานว่ามีประชาชนติดอยู่ใต้ซากอาคารเป็นจำนวนมากโดยนายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นกล่าวว่า หน่วยกู้ภัยต้องทำงานอย่างระมัดระวังในหลายพื้นที่ที่ประชาชนติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมา
มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 20,000 นาย เพื่อเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานดับเพลิงในการกู้ภัยและช่วยชีวิตประชาชน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ในช่วงเวลากลางคืนที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีการแจกจ่ายผ้าใบ พร้อมกับอาหารและน้ำ ที่จุดกระจายความช่วยเหลือหลายแห่ง สินค้าอุปโภคบริโภคหมดลงอย่างรวดเร็วในร้านค้าท้องถิ่นในหลายพื้นที่ ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าจะขาดแคลนอาหาร
เนื่องจากเกิดความเสียหายกับโครงสร้างพื้นฐานในวงกว้าง ทำให้บริษัทหลายแห่งรวมถึงในอุตสาหกรรมเหล็กรถยนต์และเทคโนโลยีต่างประกาศหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราว
โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น รวมทั้งบริษัทโซนี่และบริษัทโตโยต้าต่างก็หยุดการผลิตชั่วคราว แต่นักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าเหตุแผ่นดินไหวในปี 2554
หุ้นของโซนี่ลดต่ำลงมากกว่า 3% หุ้นของโตโยต้าลดลง 1.1% หุ้นของฮอนด้าลดลง 1% ขณะที่หุ้นของบริดจ์สโตนลดลง 0.5%.