เจ้าของบริษัทไม่รู้ปานามาเปเปอร์รั่ว
นายเจอร์เก้น มอสแส็ค ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่เป็นศูนย์กลางการรั่วไหลของปานามา เปเปอร์ปฏิเสธกับสื่อว่า เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีผู้นำทางการเมืองทั่วโลกหลายคนใช้บริการของบริษัทเขาเพื่อซ่อนเงิน
บริษัท มอสแส็ค ฟอนเซก้า ซึ่งเป็นบริษัทกฎหมายสัญชาติปานามามีการพิจารณาตรวจสอบอย่างเข้มข้นหลังจากมีการรั่วไหลของเอกสารจำนวนมหาศาลในรอบ 40 ปี โดยมีรายละเอียดการก่อตั้งบริษัทในต่างประเทศของเหล่าบรรดาเศรษฐีและผู้นำทางการเมืองทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นายมอสแส็คกล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายและขอบเขตอำนาจศาลมาโดยตลอด และถ้าบริษัทพบว่าลูกค้ามีความเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญอย่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็จะหยุดการสืบค้นในทันที
นายมอสแส็คยังกล่าวว่า เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากในเรื่องข้อมูลที่รั่วไหลออกมาและถูกเผยแพร่โดยสื่อนานาชาติ
เขาให้สัมภาษณ์สื่อว่า “บริษัทรู้สึกตื่นตระหนกเนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ไม่ควรถูกเปิดเผยออกมาสู่สาธารณะเช่นนี้ ข้อมูลส่วนตัวก็ควรเป็นเรื่องส่วนตัว”
นอกจากนี้ นายมอสแส็คยังกล่าวว่า ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้พิสูจน์และแสดงให้เห็นว่าบริษัทของเขามีการกระทำผิดกฎหมายใดๆ
เขาอธิบายว่า” มีหลายบริษัทในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และในหลายประเทศของยุโรปที่ประกอบธุรกิจในรูปแบบเดียวกับบริษัทเรา บริษัทเราไม่ได้ทำผิดกฎหมายไม่ได้โดนจับกุม แต่บริษัทของเราโดนแฮ็คข้อมูลต่างหาก”
โดยนายมอสแส็คกล่าวว่า บริษัทได้สืบสวนว่าข้อมูลรั่วไหลไปอยู่ในมือสื่อได้อย่างไร และไม่มีหลักฐานข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าเป็นเรื่องผิดพลาดจากในบริษัทเอง ผลการสอบสวนพบว่าบริษัทโดนแฮ็คข้อมูลจาภายนอก
อย่างไรก็ตาม นายมอสแส็คยืนยันว่า เขาเพิ่งรู้จากการรายงานของสื่อในเรื่องรายชื่อลูกค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย หรือรายชื่อผู้นำในอดีตและปัจจุบันอย่างน้อย 8 คนในกรมการเมืองถาวรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ปานามา เปเปอร์ได้ถูกเผยแพร่โดยทีมผู้สื่อข่าวนานาชาติเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดถึงการเปิดบริษัทในต่างประเทศที่จัดการโดยบริษัทมอสแส็ค ฟอนเซก้าเพื่อช่วยให้มหาเศรษฐีทั่วโลกซุกซ่อนทรัพย์สินให้ปลอดจากการถูกเก็บภาษีในประเทศของตน
ข่าวอิ้อฉาวนี้ปะทุขึ้นและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วโลกจากปานามาเปเปอร์ โดยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารข้อมูลทั้งหมดนี้มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าชาวอเมริกันเพียงน้อยนิด
ทั้งนี้ นายมอสแส็คอธิบายว่า บริษัทของเขามีลูกค้าชาวอเมริกันมาใช้บริการน้อยมาก เขาย้ำว่า “น้อยจนคุณใช้นิ้วบนสองมือนับได้เลย” และลูกค้าชาวอเมริกันของบริษัทเขาล้วนผ่านการรับรองจากทนายและที่ปรึกษาทางด้านภาษีว่าพวกเขาเชื่อฟังและปฏิบัติตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี.