ราคาน้ำมันดิบ พลิกกลับร่วงลงเกือบ 11 %
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก พลิกกลับมา ร่วงลง 11 % โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลงมา ปิดที่ 22.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากดีดขึ้นเป็นเกือบ 5 ดอลลาร์
หลังจาก เมื่อ19 มี.ค. 2563 ราคาน้ำมันดิบโลก ปิดตลาด ปรับเพิ่มขึ้น โดย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.85 ดอลลาร์ หรือ 23.8% ปิดที่ 25.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 3.59 ดอลลาร์ หรือ 14.4% ปิดที่ 28.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ล่าสุดเมื่อ 20 มี.ค. 2563 ราคาน้ำมันดิบ ปิดตลาด พลิกกลับร่วงลง 11 % โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 11.06% ปิดที่ 22.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 5.2% ปิดที่ 26.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 29% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 20.3%
รายงานข่าวแจ้งว่า ตลาดน้ำมันยังคงถูกกดดัน เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงต่อไป ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกออกมาตรการปิดเมืองเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ความล้มเหลวในการร่วมมือกันปรับลดการผลิตระหว่างโอเปกและกลุ่มประเทศผู้ผลิตอื่นๆ รวมถึงรัสเซียนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน
ด้านซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันไปยังทั่วโลก ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเข้าแทรกแซงในเรื่องดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า สหรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานของสหรัฐไปยังซาอุดีอาระเบียเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อร่วมมือในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดพลังงาน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐเท็กซัสรายหนึ่งได้หารือกับนายโมฮัมหมัด บาร์คินโก เลขาธิการโอเปกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับลดการผลิตน้ำมันทั่วโลก