‘ทรัมป์’ ประกาศห้ามเดินทางจากยุโรปเข้าสหรัฐฯ
คำประกาศล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่สั่งห้ามนักเดินทางจาก 26 ประเทศในยุโรปเข้าสหรัฐฯ จะทำให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมเดินทางหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากความเห็นของสมาคมเดินทางสหรัฐฯ
คำสั่งระงับการเดินทางนาน 30 วันของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 13 มี.ค. นับเป็นมาตรการที่ยกระดับความเข้มงวดขึ้นเพื่อช่วยปกป้องชาวอเมริกันจากการระบาดของโรคโควิด – 19
“ การปิดกั้นการเดินทางชั่วคราวยิ่งเป็นการซ้ำเติมผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่มีกับอุตสาหกรรมการเดินทาง และกับชาวอเมริกัน 15.7 ล้านคนที่งานของพวกเขาขึ้นกับการเดินทาง” Roger Dow ประธานและซีอีโอของสมาคมเดินทางสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์
คำสั่งห้ามเดินทางของสหรัฐฯ ครอบคลุมประเทศอิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และอีก 22 ประเทศอื่น แต่ไม่รวมสหราชอาณาจักร
ผลกระทบจากมาตรการนี้มีมากเนื่องจากมีชาวยุโรปเดินทางมาสหรัฐฯ เป็นจำนวนมากทุกเดือน และมีการใช้จ่ายในสหรัฐฯอย่างสูง
มีนักเดินทางนานาชาติประมาณ 850,000 คนที่บินมาจากยุโรป ( ไม่รวมสหราชอาณาจักร) เข้าสหรัฐฯในเดือนมี.ค. 2562 คิดเป็นประมาณ 29% ของนักเดินทางต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ จากข้อมูลของนักเศรษฐศาสตร์ในสมาคคมเดินทางสหรัฐฯ มีการประเมินว่ามูลค่าการใช้จ่ายในสหรัฐฯ ของนักเดินทางกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 107,916 ล้านบาท)
มีรายงานว่าซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดอย่างทอม แฮงค์สและภรรยามีผลทดสอบไวรัสเป็นบวก ทำให้ทั้งสองคนเป็นผู้ติดเชื้อล่าสุด โดยเขาโพสต์ในโลกออนไลน์ระบุว่า เขาและภรรยามาถ่ายทำภาพยนตร์ในออสเตรเลีย และรู้สึกปวดเมื่อยตัว มีอาการไข้ และเหนื่อยอ่อน จึงไปตรวจและพบว่าตัวเองกลายเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว โดยทั้งสองคนแยกกันรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ออสเตรเลีย
จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเกิน 1,300 ราย และมีผู้เสียชีวิต 38 ราย
ขณะที่ชาร์ลส มิเชล ประธานสภายุโรปทวีตข้อความว่า อียูจะ “ประเมินสถานการณ์วันนี้” หลังคำประกาศของทรัมป์ที่แบนการเดินทางจาก 26 ประเทศในยุโรปเข้าสหรัฐฯ
“ ต้องหลีกเลี่ยงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ” มิเชลระบุในทวีต
ทรัมป์แถลงคำสั่งแบนทางโทรทัศน์ ขณะที่ทูตของประเทศในยุโรปในวอชิงตันระบุว่า ไม่ได้รับแจ้งข้อมูลในเรื่องนี้มาก่อน และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มโทรหาบรรดาทูตเพื่อแจ้งข่าวหลังทรัมป์มีการแถลงไปแล้ว