BAYคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.25-31.70
กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.25-31.70 มองตลาดเงินผันผวนหนัก หลังซาอุฯ เปิดฉากสงครามราคาน้ำมัน
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.70 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.45 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.61 หมื่นล้านบาท และ 1.29 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ช่วง 1.00-1.25% โดยเป็นการปรับลดแบบฉุกเฉินก่อนจะถึงรอบการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 17-18 มี.ค. โดยประธานเฟดกล่าวย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะแข็งแกร่งแต่การระบาดของไวรัสโคโรนาส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้เฟดประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะไม่ช่วยแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักแต่จะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวม
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ดอลลาร์ยังมีทิศทางอ่อนค่า หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างรวดเร็วและการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก ขณะที่นักลงทุนจะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกประเทศจีน รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกและราคาสินค้าโภคภัณท์โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ดิ่งลง หลังซาอุดิอาระเบียเปิดฉากทำสงครามราคากับรัสเซียด้วยการประกาศปรับลดราคาขายน้ำมันลงและจะปล่อยอุปทานน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาด ทั้งๆ ที่ความต้องการใช้น้ำมันกำลังลดฮวบลงจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา เราคาดว่าความผันผวนอย่างหนักของตลาดการเงินโลกจะหนุนค่าเงินเยน โดยในภาพรวม การปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉินครั้งล่าสุดของเฟดและข้อมูลการจ้างงานที่สดใสของสหรัฐฯไม่สามารถช่วยกอบกู้ความเชื่อมั่นของตลาดได้ ขณะที่ ในสัปดาห์นี้ คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ ติดลบ 0.60% อย่างไรก็ดี ด้วยเครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่อย่างจำกัด อาจจะไม่ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนลงได้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายไปก่อนล่วงหน้าเมื่อเดือนก.พ.แล้วเพื่อรับมือกับผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสและปัจจัยลบต่างๆ โดยกนง.จะนำประเด็นการลดดอกเบี้ยฉุกเฉินของเฟดไปพิจารณาและติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงด้านขาลงของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มลากยาวและภาวะข่าวร้ายเต็มตลาดซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง จากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าว เราคาดว่ากนง.จะตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 25 มี.ค.