เหมืองโซมาร์โคชดใช้ทำเขื่อนพัง
บริษัทโซมาร์โค ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ในบราซิลยอมจ่ายค่าเสียหายอย่างน้อย 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทำให้เขื่อนของเหมืองที่กักเก็บหางแร่เหล็กพังถล่ม
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. มีการพังทลายของเขื่อนเหมืองแร่ ที่ทำให้เกิดเป็นแม่น้ำโคลนไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงในเมืองไมนาส เกเรียส ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และมีผู้สูญหายอีก 12 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตทั้งหมด
บริษัทโซมาร์โคเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างยักษ์ใหญ่ของวงการเหมืองแร่ในบราซิล คือ บริษัทเวล และบริษัทร่วมทุนของอังกฤษกับออสเตรเลียชื่อบริษัทบีเอชพี บิลลิตัน
บริษัทเวล และบีเอชพี บิลลิตัน แถลงตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ที่เกิดเหตุการณ์เขื่อนแตกว่า “จะพยายามทำอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะจัดลำดับความสำคัญของความจำเป็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ประสบภัยร้ายแรงนี้”
บริษัทโซมาร์โคได้ลงนามใน “คำมั่นสัญญาเบื้องต้น” เพื่อเป็นการการันตีว่าจะมีการจ่ายเงินค่าเสียหายเพื่อ “ป้องกันเหตุสุดวิสัย บรรเทาความเดือดร้อน ซ่อมแซมบ้านเรือน และมีมาตรการจ่ายเงินชดเชยที่สมควร”
เจ้าหน้าที่รัฐประเมินว่า จำนวนเงินที่ตกลงกันนี้ ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมความเสียหายของสภาพแวดล้อม และประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
นายคาร์ลอส เอ็ดดูอาร์โด เฟอเรอเรีย ปินโต้ ซึ่งเป็นอัยการประจำเขต ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์โอ เอสตาโด เดอ ไมนาสว่า “นี่เป็นเพียงเงินค่าชดเชยก้อนแรกเท่านั้น”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอิบามาในบราซิล ได้สั่งปรับบริษัทโซมาร์โคเป็นจำนวนเงิน 66.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยสำนักงานอิบามาได้อธิบายถึงเหตุการณ์เขื่อนพังทลายครั้งนี้ว่าเป็น “อุบัติเหตุเกี่ยวกับเหมืองที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราซิล”
หมู่บ้านชื่อเบนโต้ โรดิเกสโดนทำลายหมด และมีประชาชนมากกว่า 500 คน ต้องสูญเสียบ้านเรือนในเหตุการณ์นี้
บริษัท โซมาร์โค คงต้องประสบปัญหากับการจ่ายค่าปรับที่สูงกว่านี้จากกฎหมายสิ่งแวดล้อมในเรื่องน้ำที่มีมลพิษ และความเสียหายของสภาพแวดล้อม
มีการทดสอบว่าโคลนที่ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนนั้นเต็มไปด้วยสารพิษจากเหมือง
ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เขื่อนพังทลายในครั้งนี้ แต่มีการพบว่ามีการปรับโครงสร้างเขื่อนเพื่อรองรับโครงการที่ขยายเพิ่มขึ้น