คปภ.สั่งเพิ่มเงินคุ้มครองประกันภัยรถยนต์
คปภ. ขยายความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ เริ่มบังคับใช้ 1 เมษายน นี้ เผยประกันภัยภาคบังคับ เพิ่มวงเงินคุ้มครองจาก 2 แสนบาท เป็น 3-5 แสนบาท ส่วนภาคสมัครใจ วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้ชดใช้ค่าสินไหมฯเต็มจำนวนฯ ส่วนที่เกินจาก 2 ล้านบาท ให้ชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง กรณีตายและทุพลภาพ พร้อมปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่ เน้นเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ท่ามกลางภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงของอุตสาหกรรมการประกันภัย โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์ หลายบริษัทประกันภัยพยายามแข่งขันเรื่องราคาเบี้ยประกันภัย แต่นั่นอาจไม่ตอบอย่างแท้จริงในมิติของผู้เอาประกัน จึงหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่จะเข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้
นั่นจึงเป็นที่มาของการลงนามคำสั่งนายทะเบียนที่ 10/2563 ของ เลขาธิการ คปภ. เรื่องให้ใช้แบบข้อความกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์รวมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเอกสารประกอบ เอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ประกันภัย และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป
ล่าสุด นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ทำหน้าที่ประธานเปิดการประชุมชี้แจงการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์และคู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจ ในแนวทางปฏิบัติให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งจาก สำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันวินาศภัย
สาระสำคัญของการปรับปรุงครั้งนี้ คือ การเพิ่มความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.- ภาคบังคับ) กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ และสูญเสียอวัยวะ จากเดิมที่คุ้มครอง 200,000 – 300,000 บาท เพิ่มเป็น 200,000 – 500,000 บาท แล้วแต่กรณี
และการปรับเพิ่มความคุ้มครองการประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ) กรณีบุคคลภายนอกเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง โดยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัย สำหรับจำนวนเงินเอาประกันภัยตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 2 ล้านบาท สำหรับจำนวนเงินเอาประกันภัยส่วนที่เกินจาก 2 ล้านบาท ให้ชดใช้ตามความเสียหายที่แท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกด้วย อาทิเช่น การกำหนดรหัสรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า การกำหนดมาตรฐานราคาค่าซ่อมรถยนต์ รวมถึงการปรับปรุงข้อยกเว้นต่างๆ เป็นต้น
“การแก้ไขปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนโดยรวม ใน 3 ประการหลักๆ คือ ประการที่แรก เป็นการปรับปรุงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ใช้มานานกว่า 12 ปี ให้ทันสมัยเป็นปัจจุบัน และลดปัญหาความขัดแย้งในการตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย ประการที่ 2 เป็นการเพิ่มความคุ้มครองในส่วนของชีวิต ร่างกาย ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป และประการที่ 3 มีการปรับปรุงคำอธิบายความในคู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัย ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมต่อประชาชนผู้เอาประกันภัยและใช้เป็นคู่มือของประชาชนได้” เลขาธิการ คปภ. ระบุ และว่า
ดังนั้น เพื่อเป็นการทำความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งจาก สำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันวินาศภัย ในการปฏิบัติตามกติกาใหม่ และเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ สมาคมประกันวินาศภัยไทย จึงได้จัดการประชุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศรวม 5 ครั้ง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนการจัดประชุมครั้งที่ 2 จะจัดในวันที่ 24 ก.พ. 2563 ณ จ.เชียงใหม่ ครั้งที่ 3 วันที่ 2 มี.ค. ที่ จ.สงขลา ครั้งที่ 4 วันที่ 9 มี.ค. ที่ จ.ชลบุรี และครั้งที่ 5 ในวันที่ 16 มี.ค. ที่ จ.ขอนแก่น
“ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงานร่วมกันครั้งนี้จนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบประกันภัยรถยนต์ของไทย และเป็นการยกระดับมาตรฐานการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของการประกันภัยรถยนต์ อันจะส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างเป็นธรรม และรวดเร็ว” เลขาธิการ คปภ. ย้ำ.