ซีออยล์ รุก 5 ธุรกิจใหม่เน้นขายน้ำมันปั๊ม
ซีออยล์ เดินหน้าลงทุน 5 ธุรกิจใหม่ พร้อมเน้นธุรกิจเดิมซื้อขายน้ำมันทางทะเล หวังรายได้เพิ่มหลังขาดทุนต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ปรับกลยุทธ์เร่งดันยอดขาย เล็งลงทุนพลังงานทดแทนอื่นเพิ่มเติม
นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAOIL เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะโฟกัสในธุรกิจหลัก หรือการซื้อขายน้ำมันทางทะเล ซึ่งจะขยายตลาด และฐานลูกค้ามากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเข้าไปลงทุน 5 ส่วน ได้แก่ 1. การเข้าลงทุนในประเทศสิงคโปร์เป็นการซื้อขายน้ำมันคล้ายกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ถือหุ้น 75% ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ 2. การขยายธุรกิจซื้อขายน้ำมันในประเทศมาเลเซีย บริษัทลงทุนเอง 100%
3. การลงทุนในหลุมขุดเจาะ บริษัทถือสัดส่วน 49.9% 4. ธุรกิจเคมีภัณฑ์ หรือเคมีคอล ได้เริ่มดำเนินแล้ว คาดจะเห็นยอดขายชัดเจนในไตรมาส 4/2561 หรือต้นปี 2562 และ 5. ธุรกิจพลังงานหรือโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตรวมราว 10 เมกะวัตต์
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการทั้งปีนี้ บริษัทจะพยายามผลักดันให้กลับมาเป็นบวก หลังจากบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกันมา 2 ปี โดยสิ้นปี 2559 และ 2560 บริษัทมีผลขาดทุนที่ 23.98 ล้านบาท และ 104.55 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วน 6 เดือนแรกยังมีผลขาดทุนอยู่ที่ 10.92 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทสามารถมีผลประกอบการกลับมาเป็นบวกได้นั้น จะมาจากการเร่งดันยอดขาย หรือเพิ่มปริมาณวอลุ่มซื้อขายน้ำมันทางทะเล โดยการขยายฐานลูกค้าการขายน้ำมันให้กับเอเยนต์ ซึ่งเป็นวอลุ่มใหญ่เมื่อเทียบกับการขายน้ำมันให้กับลูกค้ารายเล็ก ทั้งนี้บริษัทขอดูตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร จึงจะสรุปตัวเลขยอดขายน้ำมันทั้งปีได้ ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 20% ต่อเนื่องจากปีก่อน
นางสาวนีรชา กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทคาดสัดส่วนรายได้ในปี 2561 จะมาจากการซื้อขายน้ำมันราว 90% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตรวม 7.8 เมกะวัตต์ ประมาณ 2-3% ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) และขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้บริษัทยังมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนในพลังงานทดแทนอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจ Catering 5-7%
ราคาหุ้น SEAOIL ปิดวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.61) อยู่ที่ 2.98 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง โดยเปลี่ยนแปลง 0.52 บาท หรือเพิ่มขึ้น 21.14% บริษัทไม่ทราบถึงสาเหตุ และยังไม่มีพัฒนาการสำคัญที่จะส่งผลต่องบการเงินขณะที่ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินธุรกิจตามปกติ สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะโฟกัสในธุรกิจหลัก หรือการซื้อขายน้ำมันทางทะเล ซึ่งจะขยายตลาด และฐานลูกค้ามากขึ้น
ลุย 5 ธุรกิจเต็มสูบ
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเข้าไปลงทุน 5 ส่วน ได้แก่ 1. การเข้าลงทุนในประเทศสิงคโปร์เป็นการซื้อขายน้ำมันคล้ายกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ถือหุ้น 75% ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่และมีฐานลูกค้าที่กว่าในประเทศโดยผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ 2. การขยายธุรกิจซื้อขายน้ำมันในประเทศมาเลเซีย บริษัทลงทุนเอง 100% 3. การลงทุนในหลุมขุดเจาะ บริษัทถือสัดส่วน 49.9% 4. ธุรกิจเคมีภัณฑ์ หรือเคมีคอล ซึ่งเริ่มดำเนินการบ้างแล้ว คาดจะเห็นยอดขายชัดเจนในไตรมาส 4/2561 หรือต้นปี 2562 และ 5. ธุรกิจพลังงานหรือโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตรวมราว 10 เมกะวัตต์
” เราเข้าไปลงทุนในธุรกิจ 5 ส่วน บางธุรกิจก็ยังไม่ส่งผลเป็นยอดขาย หรือยังไม่มีกำไร และเรายังต้องยอมรับผลประกอบการ ส่วนบางธุรกิจก็ส่งผลในเชิงบวก โดยภาพรวมถือว่ายังเติบโตได้ดี นอกจากนี้เรายังมองหาโปรเจ็กต์ใหม่ที่จะเข้าลงทุนเพื่อผลักดันผลงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่บางโปรเจ็กต์เราต้องยกเลิกไปเพื่อลดต้นทุนในการเข้าทำไปดีล และหาโปรเจ็กต์ที่จะส่งผลต่อยอดขายให้เราดีที่สุด และเราจะโฟกัสในธุรกิจหลักหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับการซื้อขายน้ำมัน “ นางสาวนีรชากล่าว
เร่งดันงบพลิกบวก
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการทั้งปีนี้ บริษัทจะพยายามผลักดันให้กลับมาเป็นบวก หลังจากบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนติดต่อกันมา 2 ปี โดยสิ้นปี 2559 และ 2560 บริษัทมีผลขาดทุนที่ 23.98 ล้านบาท และ 104.55 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วน 6 เดือนแรกยังมีผลขาดทุนอยู่ที่ 10.92 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทสามารถมีผลประกอบการกลับมาเป็นบวกได้นั้น จะมาจากการเร่งดันยอดขาย หรือเพิ่มปริมาณวอลุ่มซื้อขายน้ำมันทางทะเล โดยการขยายฐานลูกค้าการขายน้ำมันให้กับเอเยนต์ ซึ่งเป็นวอลุ่มใหญ่เมื่อเทียบกับการขายน้ำมันให้กับลูกค้ารายเล็ก ทั้งนี้บริษัทขอดูตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร จึงจะสรุปตัวเลขยอดขายน้ำมันทั้งปีได้ ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 20% ต่อเนื่องจากปีก่อน
นางสาวนีรชา กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทคาดสัดส่วนรายได้ในปี 2561 จะมาจากการซื้อขายน้ำมันราว 90% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตรวมราว 7.8 เมกะวัตต์ ราว 2-3% ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) และขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้บริษัทยังมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนในพลังงานทดแทนอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจ Catering 5-7%