“กบข.-จุฬาฯ” ต่อยอดตัวชี้วัดสู่วัยเกษียณระดับชาติ
กบข. ผนึก บัญชี-จุฬาฯ “ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณสำหรับประเทศไทย” ต่อยอดความสำเร็จจากการครั้งก่อนที่เน้นเฉพาะ “สมาชิก กบข.” ตั้งเป้าคลอด “ดัชนีใหม่” ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงความร่วมมือในการพัฒนา “ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณ (Retirement Readiness Index) สำหรับสมาชิก กบข.” ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปีที่แล้ว ว่า กบข.ได้นำดัชนีดังกล่าว มาเป็นเครื่องมือและบรรทัดฐานวัดความพร้อมเข้าสู่การเกษียณอายุกับสมาชิก กบข. รวมถึงใช้วางแผนพัฒนากลยุทธ์ การสื่อสารกับสมาชิก และสร้างการตระหนักถึงความสำคัญของการออม การวางแผนทางการเงินให้กับสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากความสำเร็จดังกล่าว กบข. และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ จึงได้ร่วมกันต่อยอดพัฒนา ดัชนีความพร้อมเพื่อการเกษียณอายุสำหรับประเทศไทย สำหรับใช้เป็นข้อมูลสร้างประโยชน์ต่อสมาชิกฯ และสังคมไทยโดยรวมในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ” เลขาธิการ กบข.ย้ำและว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างความตระหนักรับรู้ให้กับประชาชนทั่วไป ถึงความสำคัญของการออมและการวางแผนทางด้านการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ
นอกจากนั้น ยังจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทางภาครัฐในการประเมินความพร้อมในการเกษียณอายุของประชาชนทั่วไป ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผน ปรับปรุงแนวทางต่างๆ เพื่อให้ประชาขนคนไทยมีการเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ ซึ่งดัชนีนี้จะครอบคลุมการเกษียณอายุทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และยังเป็นดัชนีที่มุ่งเน้นการประเมินความพร้อมในการเกษียณแบบองค์รวม โดยคำนึงถึงปัจจัยทั้งด้านการเงินและปัจจัยด้านสุขภาพพลานามัยและความเป็นอยู่เข้าไปด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเผยแพร่ผลดัชนีได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
ด้าน รศ. ดร. วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมมือกับสถาบันหลักอย่าง กบข. ในการเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนคนไทยในการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้กับสังคมโดยรวมของประเทศ ซึ่งเป็นพันธกิจที่สำคัญอันหนึ่งของคณะฯ และมหาวิทยาลัยที่ต้องการเป็นสถาบันการศึกษาที่เป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศ และสร้างประโยขน์ให้กับสังคมไทยโดยรวม
ทั้งนี้ การส่งเสริมการออมและบริหารเงินออมเพื่อการเกษียณ รวมถึงการดูแลสุขภาพทางการเงิน (Financial Health) ของสมาชิก ถือเป็นภารกิจสำคัญของ กบข. ภายใต้ยุทธศาสตร์สมาชิกคือศูนย์กลาง หรือ Member Centric โดยในปี 2563 กบข. กำหนดภารกิจแยกตามลักษณะความพร้อมในการออมและบริหารเงินเพื่อการเกษียณของสมาชิกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1.กลุ่มออมเพิ่ม หมายถึงกลุ่มที่มีความพร้อมทางการเงินแต่ยังไม่ได้ใช้บริการออมเพิ่มกับ กบข. และกลุ่มที่มีความจำเป็นควรทยอยออมเพิ่มเพื่อเป้าหมายเงินเกษียณที่เพียงพอ
2.กลุ่มเลือกหรือปรับแผนลงทุน หมายถึงกลุ่มสมาชิกที่ กบข. จะดำเนินการสื่อสารเชิงรุกเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับแผนลงทุนที่ กบข. มีให้บริการ เป้าหมายคือให้สมาชิกเลือกแผนลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
และ 3.กลุ่มแก้ปัญหาทางการเงิน หมายถึงสมาชิก กบข. ที่มีรายจ่ายเกินรายได้และมีภาระหนี้สินมีความเสี่ยงสูงที่จะมีเงินเกษียณไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ กบข. อยู่ระหว่างจัดทำโครงการร่วมกับธนาคารรัฐ และออกมาตรการของ กบข. เพื่อให้ความช่วยเหลือสมาชิกกลุ่มนี้ ทั้งนี้ หากสมาชิกต้องการคำปรึกษา สามารถติดต่อศูนย์ข้อมูลการเงิน กบข. (Financial Assistant Center) ที่พร้อมให้บริการแบบส่วนบุคคล (Personalized) ได้ทาง My GPF App หรือ อีเมล fa@gpf.or.th.