‘ทรัมป์’ รอด ไม่ถูกวุฒิสภาถอดถอน
วอชิงตัน (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯรอดพ้นจากการถูกถอดถอนจากการตัดสินของวุฒิสภา โดยบรรดาส.ว.จากพรรครีพับลิกันที่พยายามปกป้องเขามาตลอด ในช่วงเวลา 9 เดือนของการนับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้งในปีนี้ ซึ่งทรัมป์ชูการแบ่งแยกในสหรัฐฯเพื่อให้ผู้สนับสนุนเขาตัดสินใจเลือกเขาเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งเป็นสมัยที่ 2
ทรัมป์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่กลายมาเป็นนักการเมือง ในวัย 73 ปี เป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่รอดพ้นจากการถูกถอดถอนโดยการลงมติของวุฒิสภา ตอนนี้ ทรัมป์เข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าโดยคำสัญญาของเขาทำให้ประเทศยิ่งแตกแยกทางความคิดมากขึ้น
หลังจากสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากลงมติถอดถอนเขาเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ปีที่แล้ว จากสองข้อกล่าวหาคือ ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ และขัดขวางการไต่สวนของสภาคองเกรส ทรัมป์กลับรอดจากการถูกถอดถอนจากวุฒิสภา โดยข้อหาแรก วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 52 ต่อ 48 ชี้ให้เห็นว่า บรรดาส.ว.มีความเห็นว่า เขาไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่มิชอบในกรณีที่เขาต่อสายถึงประธานาธิบดียูเครนขอให้มีการสอบสวนโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งเดือนพ.ย.ปีนี้ของเขา
หลังจากนั้น วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 53 ต่อ 47 คะแนน ตัดสินให้เขาพ้นผิดจากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาขัดขวางการสอบสวนของสภาล่างด้วยการสั่งให้ทำเนียบขาวไม่ให้ความร่วมมือกับสภาล่างทั้งด้านพยานและเอกสาร
ทรัมป์รับชมการลงมติของวุฒิสภาจากห้องรับประทานอาหารในทำเนียบขาวที่เขาใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัว โดยทรัมป์ระบุว่า เขาจะมีการกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงบ่ายของวันที่ 6 ก.พ. “ เพื่อพูดคุยถึงชัยชนะของประเทศของเราจากการถอดถอนที่หลอกลวง ! ”
โดยประธานาธิบดีโพสต์คลิปวีดีโอบนทวิตเตอร์เป็นป้ายหาเสียงของทรัมป์สำหรับการเลือกตั้งในปี 2567 พร้อมคำลงท้ายว่า “ ทรัมป์ 4EVA” ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มีข้อจำกัดว่าประธานาธิบดีจะดำรงตำแหน่งได้ 2 วาระเท่านั้น
“ ประธานาธิบดีทรัมป์ผ่านการพิสูจน์แล้ว และตอนนี้ถึงเวลาที่จะกลับสู่เรื่องของประชาชนอเมริกันแล้ว” แบรด พาร์สเกล ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ระบุในถ้อยแถลง
ทรัมป์ยังคงได้รับการยอมรับในการทำงานตลอดวาระที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และจากกระบวนการถอดถอนชี้ให้เห็นว่า กลุ่มประชาชนผู้สนับสนุนหลักของเขา โดยเฉพาะคนผิวขาว ชาวอเมริกันในชนบท ชาวคริสเตียนแบบอีวานเจลิคัล และคาธอลิกแบบอนุรักษ์นิยม ยังคงยึดติดกับเขาอย่างเหนียวแน่น
โพลล์จากรอยเตอร์/Ipsos ที่จัดทำเมื่อวันที่ 3 – 4 ก.พ. ชี้ให้เห็นว่า 42% ของชาวอเมริกันยอมรับในความสามารถในการทำงานของเขา ขณะที่ 54% ไม่ยอมรับ ซึ่งเกือบจะเท่ากับช่วงเวลาที่สภาล่างเริ่มการไต่สวนในการถอดถอนเขาในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว โดยในเวลานั้น คะแนนการยอมรับในตัวเขาอยู่ที่ 43% และไม่ยอมรับอยู่ที่ 53%
ทรัมป์ไม่มีคู่แข่งขันที่สูสีจากพรรครีพับลิกันของเขาในการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาอ้างตัวเป็นผู้สมัครจากพรรคที่จะมีการเลือกในเดือนส.ค.นี้ และจากการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภา ทรัมป์พูดเหมือนเป็นการหาเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งประเด็นการฟื้นฟูความเป็นอเมริกัน , พลังความมีชีวิตชีวาทางเศรษฐกิจ และนโยบายการอพยพเข้าเมืองที่เข้มงวด