“สมคิด-อุตตม” โอ่! ดันเศรษฐกิจฝ่าด่านหินได้
“สมคิด” หงุดหงิดแบงก์ชาติ ตะเพิดหากบีบแบงก์เอกชนลดดอกเบี้ยไม่ได้ พ่วงอัดทุนใหญ่ขนเงินลงทุนต่างแดน แล้วทอดทิ้งเศรษฐกิจภายใน ชี้จากนี้ไปเศรษฐกิจไทยต้องพึ่ง “ของนอกควบคู่การขับเคลื่อนจากภายใน” ย้ำแนวทางนี้ช่วยลดปมความเหลื่อมล้ำ เชื่อไทยจะผ่าน 5 คลื่นอุปสรรคไปได้ ด้าน “อุตตม” มั่นใจงบปี’63 ฝ่าด่านศาล รธน.หวุดหวิด ย้ำหากผิดคิว เตรียมแผนกู้เงินโปะงบลงทุนรอท่าแล้ว
ออกอาการหงุดหงิด อย่างเห็นได้ชัด! กับบทบาทของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายการเงิน สำหรับ…นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่มักประกาศตัวต่อเวทีสาธารณะทั่วไปว่าเขา…ไม่ใช่ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลชุดนี้
หงุดหงิดเพราะ หนึ่ง…ธปท.ออกนโยบายการเงินที่ล่าช้า จนหลายครั้งวิ่งไม่ทันปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้ว อีกหนึ่ง…ไม่อาจกดดันให้สถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ในความดูแล ดำเนินการตามนโยบายที่มี
ล่าสุด บนเวที POST TODAY ECONOMIC FORUM 2020 ถอดรหัสเศรษฐกิจปี 2020 เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (6 ก.พ.) เป็นเขาที่โพล่งออกมาว่า…ถ้า ธปท. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน : กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.0% แล้ว ไม่สามารถทำให้ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยตามมาได้ ต่อไปก็ไม่ต้องลดดอกเบี้ยกันแล้ว
กระนั้น เขาก็ยังมั่นใจว่า…กับสถานการณ์ “คลื่นปัญหา” ที่ถาโถมเข้าใส่รัฐทั้ง 5 ลูกตลอดระยะเวลานับแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้ง คือ 1.ใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาลนาน 2.การเกิดสงครามการค้า “สหรัฐ-จีน” 3.ภัยแล้งอย่างรุนแรง 4.งบประมาณปี 2563 ล่าช้า และ 5.การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2019 จากจีน
ทั้งหมดจะผ่านไปด้วยดี ขอเพียงคนไทยอย่าตื่นตระหนกกับความเห็นในโลกโซเชี่ยลฯ ที่หลายครั้งคลาดเคลื่อนไปจากความจริง
แม้หลายคนจะมองว่า รัฐบาล คสช. จนถึงรัฐบาลชุดนี้ไม่มีผลงาน แต่ตนยืนยันว่าผลงานมีมากมาย และอาจมากกว่าในรอบ 10 ปีก่อนหน้านั้น เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสื่อสารให้คนไทยรับรู้ รัฐบาลได้ทำและวางระบบโครงสร้างเศรษฐกิจรองรับการลงทุนที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียุคใหม่ โดยเฉพาะโครงการอีอีซี รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา รวมถึงโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ลืมที่จะดูแลเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะเกษตรกร และวิสาหกิจชุนชน รวมถึง ผู้ประกอบการ SMEs และ Startup โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย และสถาบันอื่นๆ ของรัฐ ได้ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
รองนายกฯสมคิด ย้ำว่า จากนี้ไป เราจะไปพึ่งพาการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ได้อีกแล้ว แต่จะต้องทำควบคู่กันระหว่าง…การส่งออก ที่พึ่งพิงเศรษฐกิจโลก และการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ด้วยการเติมเต็มและสร้างความเข็มแข็งในทุกมิติให้กับชุมชน ซึ่งแนวทางนี้ จะช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อีกทางหนึ่งด้วย
พร้อมกันนี้ เขายังตำหนิ กลุ่มเอกชนรายใหญ่ ที่ขนเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ว่า “อย่าอวดเก่ง” ด้วยการคุยโวว่าตัวเองสามารถจะไปลงทุนในต่างประเทศได้ เพราะเราทอดทิ้งการลงทุนภายในประเทศไม่ได้ และจะต้องคิดเสมอว่าเราจะต้องเอาประเทศของเราให้รอดเสียก่อน
ด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมจะนำมาตรการการคลังเข้าไปสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาล ตั้งแต่ดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มเติมโยใช้มาตรการการคลังสนับสนุนและพัฒนาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ และดูแลปัญหาสังคม โดยช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุ
ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่างบประมาณปี 2563 อาจเป็นโมฆะ หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่เป็นคุณกับรัฐบาล และอาจกระทบกับงบฯรายจ่ายประจำและการลงทุน ตนขอยืนยันว่าคงต้องรองคำวินิจฉัยฯที่จะ มีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (7) เสียก่อนว่าจะออกมาแบบไหน แต่กระทรวงการคลังก็มีแนวทางรองรับอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือนข้าราชการและบุคลากรของรัฐ สามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติ ซึ่งสำนักงบประมาณได้ขอนุมจากคณะรัฐมนตรีขยายเวลาการใช้จ่ายออกไปแล้ว รวมถึงในส่วนของงบลงทุนผูกพัน
สำหรับงบลงทุนนั้น ก็อย่างที่รองนายกฯสมคิดบอกไว้ หากติดขัดเรื่องงบประมาณปี 2563 จริงๆ การใช้แนวทางกู้เงินเพื่อการลงทุน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ลงไปดูความเหมาะสมว่า เพดานสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่มีในปัจจุบันนั้น สามารถจะกู้ยืมเงินได้อีกเท่าไหร่ และการกู้ยืมก็อาจเป็นไปในลักษณะของการทำโครงการ “ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์” เพื่อนำไปลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน
“เราคงต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน เรื่องอาจไม่เลวร้ายอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก็ได้ และหากรัฐบาลสามารถนำงบประมาณปี 2563 มาใช้ ซึ่งคงจะใช้งบประมาณวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ได้ในช่วงเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้ และนั่นทำให้รัฐบาลคงต้องเร่งรัดการลงทุนในช่วงเวลาที่เหลืออย่างเร็ว” รมว.คลังย้ำ และว่า หากรัฐบาลใช้วงเงินมีไม่หมด เนื่องจากมีระยะเวลาใช้จ่ายเพียงไม่กี่เดือน ก็จะเข้าสู่งบประมาณปี 2564 แล้ว สามารถจะนำไปใช้ต่อในปีงบประมาณหน้าได้หรือไม่ คงขึ้นกับการพิจารณาของสำนักงบประมาณ.