เปลี่ยนม้ากลางศึก
อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็น “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” นั่งตำแหน่งทางการเมือง และอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นบรรดาเหล่าลูกศิกษ์ และผองเพื่อนของ “สมคิด” อยู่ในตำแหน่งทางการเมือง
บรรยากาศการเมืองในช่วงเวลานี้ แม้จะไม่มีอะไรและเขย่ารัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ แต่เหตุการณ์ภายใจอาจไม่เป็นเช่นนั้น ขนาดตำแหน่งใหญ่โต นาม “กุนซือสมคิด” ในฐานะผู้ชี้นำทางด้านเศรษฐกิจให้แก่รัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาล คสช.จนถึงปัจจุบันนั้น กำลังถูกบั่นทอนอย่างหนัก
แม้ว่าในเบื้องหน้าและเบื้องหลัง “สมคิด” จะสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทร์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มากเพียงใดก็ตาม
แต่ในท้ายที่สุด เลือดทหารย่อมเข้มกว่าเลือดผสมนักเมือง เพราะอดีตตำแหน่งรองหัวหน้า “พรรคไทยรักไทย” ในสมัยรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ผลพวงจากที่เคยถูกแขวนนั่งนอนอยู่ในบ้านเลขที่ 111 มาถึงรองนายกรัฐมนตรีนั่งติดกับ “บิ๊กตู่” มานานเกือบถึง 6 ปี เริ่มมีอาการสะดุ้งนิดๆ นั่งๆ นอนๆ ไม่ติด เพราะกระแสข่าวลือ กระแสข่าวขู่ ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพรรคร่วมรัฐบาล ยังมีข่าวปล่อยจากคนวงใน ใกล้ชิดนายกฯ “เลือดสีเดียวกัน” อยากเปลี่ยน “ม้ากลางศึก” ไม่เอา “สมคิด” โดยอ้างผลงาน “สมคิด” ไม่เข้าตากรรมการ เพราะที่ผ่านมาให้ความสนใจกับโครงการขนาดใหญ่ เช่น อีอีซีและรถไฟความเร็วสูง ลืมชาวบ้านพี่น้องเกษตรกรตาดำๆ ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ โกยคะแนนนำจาก “มาตรการประกันรายได้”
แม้คนใน ใกล้ชิก “บิ๊กตู่” จะออกมาคัดค้าน เพราะยังมั่นใจในฝีมือของ “กุมซือ สมคิด” ก็ตาม แต่ข้อครหาโดนโจมตีอย่างหนักคือ “คนไทยยังหายจน” “จีดีพีทรุด” “บ้านพ้นตลาด” “กำลังซื้อหดหาย” “คนจนไม่มีเงิน” แม้รัฐบาลจะทุ่มเงินไปหลายแสนล้านบาทแล้วก็ตาม ประชาชนระดับรากหญ้ากลับแน่นนิ่ง ไม่ไหวติง เพราะเกิดภาวะเงินขาดมือ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ค้าขายลำบาก ลามตั้งแต่ตลาดสด ตลาดนัดจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ออกมาร้องโวยวายอยู่ไม่รอด เพราะยอดขายตกวูบทุกวันตามกำลังซื้อของประชาชน
เงินที่รัฐบาลอัดฉีด ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบาล จำนวน 200 และ 300 บาท ตกไปอยู่กลุ่มพ่อค้า นายทุนขนาดใหญ่ขายสินค้าตั้งแต่บะหมี่สำเร็จรูป ข้าวสาร อาหารแห้งและเครื่องดื่ม ทำให้เกิดช่องว่างของระบบเศรษฐกิจ “เงินที่เคย-หมุนไป” ไม่หมุน แต่ไปหมุนไปอยู่ในกระเป๋าของเจ้าสั่วเพียงไม่กี่เจ้า
กะปิ น้ำปลา พริก และ ผักสด แทนที่จะอยู่ในมือแม่ค้า พ่อค้า ซึ่งพอจะได้รับอานิสงค์บ้าง กลับเงียบหายหยุดนิ่ง สุดท้ายพี่น้องเกษตร ประสบชะตากรรมน้ำท่วม ภัยแล้ง ถูกฟันซ้ำเป็นดาบสองคม
จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า ครม.บิ๊กตู่ 2 จะมีชื่อใคร ไม่มีชื่อใคร คงไม่เกินเดือนเม.ย. รอจังหวะเผาขนคดีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่ 191 ล้านบาท แล้วพวกเราก็ได้รู้กัน…