อิหร่านยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก
แบกแดด/วอชิงตัน (รอยเตอร์) – อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐฯในอิรักช่วงกลางคืนก่อนเช้าวันที่ 8 ม.ค. เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯส่งโดรนไปสังหารนายพลคนสำคัญของอิหร่านก่อนหน้านี้ ก่อให้เกิดความกังวลว่าสงครามจะขยายตัวทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง
โดยอิหร่านยิงขีปนาวุธมากกว่าสิบลูกจากดินแดนอิหร่านไปที่ฐานทัพสหรัฐฯในอิรักอย่างน้อยสองแห่งในเวลาประมาณ 01.30 น.ของวันที่ 8 ม.ค. จากรายงานของกองทัพสหรัฐฯ
จากแหล่งข่าวในประเทศระบุว่า อิหร่านยิงจรวดไม่นำวิถีไปที่ฐานทัพสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งคลังแสงของโดรนที่ใช้ในการโจมตีสังหารนายพลคาเซม โซไลมานีก่อน แล้วจึงตามด้วยการยิงขีปนาวุธระยะใกล้ไปที่ฐานทัพสหรัฐฯอีกแห่งในอิรัก ทำลายยุทโธปกรณ์และเฮลิคอปเตอร์ที่จอดในลานจอดหลายลำ
กองกำลัง Revolutionary Guards ของอิหร่านยืนยันว่า ได้ยิงขีปนาวุธเพื่อตอบโต้สหรัฐฯที่สังหารนายพลโซไลมานี จากแถลงการณ์ในโทรทัศน์ โดยทางกองกำลังยังได้แนะนำให้สหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสียชีวิต และเตือนประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ รวมทั้งอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้อิหร่าน
โจนาธาน ฮอฟแมน โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุในถ้อยแถลงว่า ฐานทัพที่เป็นเป้าในการโจมตี คือฐานทัพอากาศอัล-อซาด และอีกแห่งในเมืองเออร์บิล อิรัก “จากการประเมินสถานการณ์ เราจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องและป้องกันเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ หุ้นส่วนและพันธมิตรของเราในภูมิภาค”
ทั้งนี้ การยิงขีปนาวุธในวันที่ 8 ม.ค. เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่นายพลโซไลมานีถูกโดรนพิฆาตของสหรัฐฯสังหารในวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอิหร่านตั้งใจแก้แค้นสหรัฐฯโทรทัศน์อิหร่านรายงานว่า มีการฝังศพโซไลมานีหลังการยิงขีปนาวุธโจมตี “ มีการแก้แค้นให้ท่านแล้ว และขอให้ท่านสู่สุคติ”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุในทวีตว่า ยังอยู่ในระหว่างการประเมินการเสียชีวิตและความเสียหายจากการถูกโจมตี และเขาจะมีแถลงการณ์ในเช้าวันที่ 8 ม.ค.
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ! ” ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์ โดยเขาเคยไปเยือนฐานทัพอากาศอัลอซาดที่อิรักเมื่อเดือนธ.ค. 2561
โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่านระบุว่า อิหร่านใช้ “มาตรการที่เหมาะสมในการใช้สิทธิป้องกันตนเองภายใต้มาตรา 51 ของกฎหมายระหว่างประเทศ ”
“เราไม่ต้องการยกระดับความรุนแรง หรือก่อสงคราม แต่จะป้องกันตัวเองต่อการรุกรานใดๆ” เขาระบุในโพสต์บนทวิตเตอร์
ตลาดหุ้นในเอเชียปรับลดลงในแดนลบหลังรับทราบทวีตของทรัมป์และรมว.ซาริฟ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯก็ปรับลดลงเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้พุ่งขึ้นไปเกือบ 5% จากความกังวลว่าความขัดแย้งของสองประเทศจะกระทบซัพพลายน้ำมัน.