ออมสินปล่อยกู้ฉุกเฉินดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือน
ธนาคารออมสินพร้อมดูแลประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ ขานรับรัฐบาลเล็งออกสินเชื่อคิดอัตราดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือนปล่อยกู้ฉุกเฉินผู้มีรายได้น้อย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผย ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2560 ให้ธนาคารออมสิน ดำเนินโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อของสถาบันการเงินในกรณีมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง และในบางกรณีที่มีการติดตามทวงถามหนี้ที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการให้ดีขึ้นประมาณ 200,000 ราย โดยสามารถติดต่อยื่นลงทะเบียนได้ที่สาขาธนาคารออมสินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โครงการสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินนี้ เป็นการให้กู้สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว โดยต้องไม่เป็นการกู้ไปปิดหนี้ในระบบก้อนเดิม (Refinance) ให้วงเงินให้สินเชื่อต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท สามารถยื่นขอสินเชื่อภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ครม. มีมติให้ดำเนินโครงการ ผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ 0.85 ต่อเดือน โดยใช้บุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ทั้งนี้ ธนาคารฯ จะใช้หลักเกณฑ์พิจารณาสินเชื่อ โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งจะควบคู่กับการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโร แต่จะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธนาคารได้ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียน เป็นต้น โดยโครงการสิน เชื่อดังกล่าวจะช่วยให้กลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเร่งด่วน โดยไม่ต้องไปใช้บริการสินเชื่อนอกระบบ ซึ่งสรุปหลักเกณฑ์ได้ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ : ให้สินเชื่อแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว โดยต้องไม่เป็นการ Refinance หนี้ในระบบ
2. วงเงินสินเชื่อรวม : ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อธนาคารออมสินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
3. วงเงินให้สินเชื่อต่อราย : ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อราย
4. กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนที่มีการประกอบอาชีพ และ/หรือเกษตรกรที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน
5. ระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อ : ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินโครงการ
6. ระยะเวลาการให้กู้ยืม : ไม่เกิน 5 ปี
7. อัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ 0.85 ต่อเดือน
8. หลักประกัน : บุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
9. หลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ : พิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และค่าใช้จ่ายรวมของบุคคลในครอบครัวเป็นหลัก โดยสามารถตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโรได้ แต่จะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาสินเชื่อ
10. วงเงินงบประมาณที่รัฐบาลชดเชยสูงสุด ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นวงเงินชดเชยให้กับธนาคารออมสินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้นมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรรายย่อย เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชานส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการให้ดีขึ้นประมาณ 200,000 ราย.