ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนธ.ค.เริ่มผงกหัว
ดัชนีความเชื่อมั่นใจเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น
“ ปัจจัยที่มีเข้ามาอย่างมากมายในช่วงปลายปี ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนธ.ค.ปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน” นายปรีดา โพธิ์ทอง อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวและกล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือน ธ.ค. 59 อยู่ที่ 73.7 จาก 72.3 ในเดือน พ.ย.59 โดยดัชนีปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปี
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 62.5 จาก 61.2 ในเดือน พ.ย.59 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 68.2 และ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 90.3
สำหรับปัจจัยบวก ได้แก่ การส่งออกในเดือน พ.ย.59 เพิ่มขึ้น 10.19% ถือว่าขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน, มาตรการช็อปช่วยชาติ ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน, รัฐบาลมีนโยบายให้การดูแลราคาข้าวให้มีราคาสูงขึ้น, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5%, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดการณ์ GDP ปี 60 ไว้ที่ 3.2% และ เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย
ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, ราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ, ผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพและกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.และเดือนพ.ย.59 ที่ลดลง เป็นผลจากมาตรการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ และการส่งออกที่ลดลง รวมถึงเป็นช่วงที่คนไทยอยู่ในภาวะเศร้าโศก แต่ในเดือน ธ.ค. แรงกระตุ้นสำคัญที่มีผลให้ดัชนีปรับตัวดีขึ้น มาจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญ อย่างยางพาราและปาล์มน้ำมันดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีเงินในมือ และกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากภาวะการส่งออกเดือน พ.ย.ที่ปรับตัวบวกกว่า 10% และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นแรงส่งให้ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาส 1 ปี 60 ค่อยๆ ดีขึ้น และเป็นแรงหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 1 ปี 60 น่าจะขยายตัวได้ 3-3.5% ขณะที่การส่งออก คาดว่าจะดีขึ้นและน่าจะขยายตัวได้ 1-3%นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าไทย ผนวกกับผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญเริ่มคลายลง คาดว่าในไตรมาส 1 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 4.5-5 ล้านคน
“ ไตรมาส 1 น่าจะทำให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้น และถ้าได้แรงหนุนจากภาครัฐในการเร่งเบิกใช้จ่ายงบประมาณ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 1 และ 2 และจะโตโดดเด่นในปลายไตรมาส 2 ที่ 3.3-3.7% และจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวได้ 3.5-4.0%” นายธนวรรธน์กล่าว
สำหรับผลกระทบจากน้ำท่วมในภาคใต้นั้น คาดว่า จะมีประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่ไม่มาก เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และแหล่งที่เป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าที่สำคัญ ส่วนอัตราดอกเบี้ย คาดว่าในครึ่งปีแรก กนง.จะยังคงไว้ที่ระดับ 1.50% และน่าจะปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี ประมาณ 0.25% ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล