มอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุสุราษฎร์ที่สุราษฎร์
ธนารักษ์เร่ง “3 สร้าง” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เน้น “สร้างอาชีพ-สร้างรายได้-สร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน” ลั่นเตรียมเคลียร์ที่ราชพัสดุทั่วไทยที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์และไม่ส่งรายได้เข้ารัฐ ระบุขอเวลา 2 ปี เร่งแก้ปมที่ดินกว่า 9 แสนไร่ในพื้นที่สุราษฎร์ พร้อมโฟกัสกลุ่ม ส.ป.ก. 3 แสนไร่เศษ หวังเพิ่มรายได้ต่อยอดโครงการธนารักษ์ประชารัฐ เผยมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้ชาวสุราษฎร์ 300 คน
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวกับคณะผู้บริหารคลังประจำจังหวัด (คบจ.) สุราษฎร์ธานี ระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการธนารักษ์ประชารัฐ ด้วยการจัดทำชุมชนให้เป็นที่ประชุมในที่ราชพัสดุ ณ ต.ตะปาน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมาย “3 สร้าง” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากภายในแต่ละชุมชน ประกอบด้วยการสร้างอาชีพ การสร้างรายได้ และการสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง พร้อมกันนี้ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน (29 ต.ค.) จะได้ทำพิธีส่งมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แก่ประชน 300 ราย แบ่งเป็นสัญญาเช่าเพื่อการเกษตร 257 ราย และเพื่ออยู่อาศัยอีก 43 ราย ครอบคลุม 4 อำเภอ คือ อ.เคียนชา อ.พระแสง อ.พุนพิน และ อ.คีรีรัฐนิคม
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์คาดหวังจะเห็นการบูรณาการการทำงานทั้งภายในกรมฯ และหน่วยงานต่างๆ ภายในกระทรวงการคลัง รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ มีพันธมิตรร่วมโครงการฯแล้วได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม เชื่อว่าอนาคตอันใกล้จะมีหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมาโครงการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย
อธิบดีกรมธนารักษ์ ระบุว่า จากนี้ไป กรมฯจะเดินหน้าตามมาตรการเชิงรุกเพื่อเปลี่ยนผู้บุกรุกที่ราชพัสดุมาเป็นผู้เช่าที่ถูกกฎหมาย เพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้มีศักดิ์ศรีและมีโอกาสในการดำเนินชีวิต ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการกับหน่วยงาน และ/หรือ บุคคล ที่ครอบครองและใช้ที่ดินไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ และไม่เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงกลุ่มที่นำที่ราชพัสดุไปเช่าช่วงเพื่อหารายได้ โดยไม่นำส่งรายได้ให้กรมฯ
โดยในส่วนของที่ราชพัสดุในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีมากกว่า 9 แสนไร่ และกว่าครึ่งถูกครอบครองโดยส่วนส่วนราชการต่างๆ นั้น มีมากถึง 3 แสนไร่เศษที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) นำไปจัดสรรโดยไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ และบางส่วนถูกรำไปออกโฉนดทับซ้อน ซึ่งกรมฯจะได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนับจากนี้ และพร้อมจะเพิ่มงบประมาณ บุคลากร อุปกรณ์และเครื่องที่สำคัญเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
นายยุทธนากล่าวอีกว่า หากสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการเร่งจัดทำรังวัดพิสูจน์สิทธิ์ในการครอบครองที่ราชพัสดุแล้ว เชื่อว่ากรมฯจะสามารถเพิ่มรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุที่มีกว่า 12.5 ล้านไร่ทั่วประเทศ จากเดิมที่มีรายได้เพียงปีละ 7,000-8,000 ล้านบาท เป็นไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งกรมฯมีแผนจะนำเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่ราชพัสดุ 10% มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานต่อไป
“ล่าสุดวานนี้ (28 ต.ค.) มีข้อเสนอจากโครงการต่างๆ ของหน่วยงานในสังกัด มาถึงส่วนกลางมากถึง 1,100 ล้านบาท ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารที่ราชพัสดุ เพื่อนำเงิน 10% มาใช้ในการดำเนินโครงการๆ ตามที่ขอมา ไม่ว่าจะเป็น การขอจัดซื้อเครื่องต่างๆ การดูแลคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ การปรับและก่อสร้างอาคารสำนักงาน เป็นต้น”
จากนั้นในช่วงบ่าย นายวารุจ ศิริวัฒน์ ที่ปรึก รมช.คลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) พร้อมด้วยนายยุทธนา, รอง ผจก.สุราษฎร์ธานี, ผู้บริหารกรมธนารักษ์, ผู้บริหาร คบจ. รวมถึงผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แก่ประชน 300 ราย.