บราซิลยืนยันส่งออกเนื้อสัตว์ปลอดภัย
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.บราซิลพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นว่า อุตสาหกรรมส่งออกเนื้อขนาดใหญ่มีมาตรฐานที่ปลอดภัย โดยประธานาธิบดี Michel Temer ได้เชิญบรรดาทูตให้มาร่วมงานเลี้ยงสเต๊กเป็นมื้อค่ำ
เพื่อรับมือและแก้ไขข่าวฉาวที่ว่ามีการทุจริตในกระบวนการส่งออกและสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ประธานาธิบดี Temer ยิ้มกว้างขณะที่เชื้อเชิญบรรดานักการทูตเข้าไปรับประทานอาหารในภัตตาคารเนื้อสไตล์บราซิลดั้งเดิมชื่อ churrascaria โดยเขากล่าวว่า “ ถ้าคุณยอมรับคำเชิญ เราจะยินดีมาก” มีทูต19 จาก 33 คนที่ตอบรับคำเชิญของเขา
ทั้งนี้ ผู้นำบราซิลมีภารกิจที่จะต้องสยบข่าวฉาวที่กำลังทำลายชื่อเสียงของประเทศผู้ส่งออกเนื้อวัวและสัตว์ปีกรายใหญ่ที่สุดของโลกลงให้ได้
โดยมีความตื่นตระหนกหวาดกลัวเกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า จากกระบวนการสืบสวนเป็นเวลา 2 ปีพบว่า ผู้ผลิตเนื้อเพื่อส่งออกรายสำคัญมีการจ่ายสินบนให้กับผู้ตรวจสอบด้านสุขภาพ เพื่อออกใบรับรองให้กับเนื้อที่ไม่ได้มาตรฐานว่ามีคุณภาพดีพอต่อการบริโภค
มีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้อย่างน้อย 30 ราย โดยตำรวจเข้าตรวจค้นโรงงานผลิตเนื้อแปรรูปมากกว่า 12 แห่ง และออกหมายจับ 27 ราย โดยโรงงานแปรรูปสัตว์ปีกดำเนินกิจการโดยบริษัทข้ามชาติ BRF และโรงงานแปรรูปเนื้อ 2 แห่งดำเนินงานโดยบริษัทในประเทศชื่อ Peccin ซึ่งปิดตัวลงแล้ว รัฐมนตรีเกษตรรายงาน
ทั้งนี้ บราซิลมีการส่งออกเนื้อไปมากกว่า 150 ประเทศ โดยมีตลาดสำคัญที่ห่างไกลอย่างซาอุดิอาระเบีย จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ และอิตาลี ยอดขายสัตว์ปีกในปี 2559 สูงถึง 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 4.300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเนื้อวัว อ้างอิงจากข้อมูลของรัฐบาลบราซิล
ยังไม่มีรายงานถึงผุู้ป่วยจากการบริโภคเนื้อสัตว์เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม บราซิลกังวลว่า ข่าวฉาวนี้จะทำลายความพยายามในการเจรจาการค้าระหว่างกลุ่ม Mercosur ของอเมริกาใต้กับสหภาพยุโรป
Joao Cravinho ทูตอียูประจำบราซิลทวีตข้อความเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า เขาต้องการคำแถลงในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและสมบูรณ์แบบจากกระทรวงเกษตรของบราซิล
ผู้นำบราซิลแถลงในงานรับรองนักการทูตว่า บราซิลมีระบบตรวจสอบที่เป็นหนึ่งในระบบที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก “ ผมต้องการย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของเรา”
ในปี 2559 บราซิลมีการส่งออกเนื้อสัตว์ไปตลาดต่างประเทศมากกว่า 853,000 รายการ และมีเพียง 184 รายการเท่านั้นที่ละเมิดกฎระเบียบของผู้นำเข้า.