ซูจีครวญไม่มีคนสนใจผู้ก่อการร้ายในยะไข่
ย่างกุ้ง : นางอองซานซูจี ผู้นำรัฐบาลเมียนมาโอดครวญว่าขาดความสนใจจากทั่วโลกในประเด็นกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง และผู้ก่อการร้ายในรัฐยะไข่ ที่ซึ่งกองทัพในเมียนมาถูกกล่าวหาว่ากระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญา
ความเห็นจากเจ้าของรางวัลโนเบลอย่างซูจีเป็นส่วนหนึ่งของจุดยืนในการป้องกันประเทศที่มีมายาวนานของกองทัพที่มีกับชาวโรฮิงญา ซึ่งต้องอพยพลี้ภัยกว่า 7 แสนคนไปบังคลาเทศในปี 2560
การที่กองทัพเมียนมาปราบปรามชาวโรฮิงญาอย่างรุนแรงทำให้สหรัฐฯ คว่ำบาตรงบทางทหาร และสหประชาชาติกล่าวหาว่าเมียนมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
กองทัพเมียนมาชี้แจงว่า ปฏิบัติการทางทหารเป็นสิ่งจำเป็นและสมควรในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญา ซึ่งเป็นกองกำลังที่นางซูจีกล่าวย้ำในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเคอิเอเชียนรีวิวของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 23 ต.ค.
“ มีกลุ่มหัวรุนแรงที่ไม่อยากให้มีสันติภาพในรัฐยะไข่ เพราะมีผู้ก่อการร้ายจำนวนมาก เป็นปัญหาที่เราต้องแก้ไข” เธอกล่าว โดยเอ่ยถึงการโจมตีจากกลุ่มกบฎโรฮิงญาในปี 2560 ทำให้ทางกองทัพต้องปราบปราม
“ ดังนั้น เราจึงผิดหวัง …ที่ประชาคมนานาชาติให้ความสนใจน้อยมากกับกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นปัญหาในรัฐยะไข่” เธอกล่าว
กลุ่มกบฎชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นชาวพุทธ ก็สู้รบกับกองทัพในรัฐยะไข่ที่มีแต่ความขัดแย้งและความเกลียดชัง
ครั้งหนึ่ง นางซูจี ซึ่งถูกควบคุมตัวในบ้านพักนาน 15 ปีในช่วงที่เมียนมาปกครองโดยเผด็จการทหาร เคยถูกมองว่าเป็นไอคอนของเสรีภาพ แต่ชื่อเสียงของเธอในระดับนานาชาติถูกบั่นทอนลงจากเหตุปราบปรามที่รุนแรงในรัฐยะไข่
ผู้แทนสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญในประเด็นที่เธออาจเกี่ยวข้องในทางกฎหมายกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย
พรรค NLD ของเธอไม่ได้มีอำนาจในการบริหารประเทศอย่างเต็มที่ ต้องมีการทำข้อตกลงกับทางกองทัพ ซึ่งปกครองเมียนมาด้วยกำปั้นเหล็กมาเกือบ 5 ทศวรรษ โดยปัจจุบัน แม้จะมีการเลือกตั้งแล้ว แต่กองทัพก็ยังมีที่นั่งในสภา รวมถึงอำนาจในการควบคุมความมั่นคงของประเทศ
สัญญาจากพรรคของซูจีในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับทหารยังไม่สำเร็จ และเธอกล่าวกับสื่อนิกเคอิว่า ไม่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งในปีหน้า
“ เราเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่จะเร็วแค่ไหน เป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะทำนาย…กองทัพไม่กระตือรือร้นในการแก้ไขสิ่งที่เราเสนอ ” เธอกล่าว