สุริยะ อัด สินเชื่อ ดบ.1 % เสริมทุน SMEs
กระทรวงอุตสาหกรรม อัดฉีด สินเชื่อกองทุนเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐ เสริมสภาพคล่อง เอสเอ็มอี วงเงิน 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ด้วยสภาวะสงครามการค้าโลกในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ GDP ในปีนี้มีแนวโน้มของการเติบโตที่ลดลง โดยเฉพาะเอสเอ็มอีจำนวนมาก ต่างประสบปัญหาในด้านการค้า การลงทุน ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน และไม่สามารถปรับตัวให้อยู่รอดต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้
ดังนั้รกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้เตรียมอัดฉีดสินเชื่อกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อเป็นเงินลงทุนและเสริมสภาพคล่องแก่เอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในสาขาธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม (Agro Industry) ทั้งที่เป็นอาหาร และที่ไม่ใช่อาหาร สาขาอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ (Creative Industry) และธุรกิจอื่น ๆ ที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการปรับปรุงกิจการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น (Digital Transformation) ในวงเงินรวม 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี สามารถใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของวงเงินอนุมัติ แต่ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท โดยได้นำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ซึ่งมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานเพื่ออนุมัติ เมื่อวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2562
นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ฯ ยังได้เตรียมเสนอชุดโครงการส่งเสริมพัฒนาเอสเอ็มอี จำนวน 750 ล้านบาท ควบคู่กับการปล่อยสินเชื่อ เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี ให้มีประสิทธิภาพทั้งด้านการบริหารการผลิต การเงิน และการตลาด
นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2560 กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ได้อนุมัติสินเชื่อแก่เอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศไปแล้ว 10,567 ราย เป็นจำนวนเงิน 16,127 ล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือวงเงินสินเชื่อที่จะปล่อยสินเชื่ออีก 3,000 ล้านบาท ซึ่งได้มีการออกแบบแพ็คเกจใหม่ที่ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับแพ็คเกจสินเชื่อวงเงิน 3,000 ล้านบาท เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงฯ ที่ทางกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ได้ปรับปรุงกระบวนการคัดกรอง วิเคราะห์ และอนุมัติสินเชื่อให้มีความสะดวกรวดเร็ว และติดตามผลลัพธ์จากการปล่อยสินเชื่อ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีที่เป็นนิติบุคคลสมัครขอสินเชื่อดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ www.smerescuecenter.com ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป คาดว่าสินเชื่อตัวใหม่นี้ จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท