ธปท.เลื่อนใช้พร้อมเพย์ปีนี้
แบงก์ชาติประสานเสียงสมาคมธนาคารไทย เลื่อนบริการพร้อมเพย์ จากเดิมเดือนต.ค.ปีนี้ เป็นไตรมาสแรกปีหน้า และเลื่อนการโอนเงินรับสวัสดิการภาครัฐ จากเดิมดีเดย์ต้นเดือนต.ค.เป็นไตรมาส 4 ปีนี้ อ้างไม่พร้อม
นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2559 ทุกฝ่ายเห็นพร้อมกันว่า ข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทยและธนาคารที่เข้าร่วมโครงการที่เสนอให้เลื่อนเปิดบริการระบบพร้อมเพย์ สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลไปเป็นไตรมาสแรกปี 2560 เป็นแนวทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการทดสอบระบบให้มีเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคตได้ ตลอดจนให้ทุกธนาคารที่ให้บริการสามารถเตรียมการภายในให้มีความพร้อมในการบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึงและสะดวก
นางสาวสิริธิดา กล่าวว่า ภายหลังจากที่กระทรวงการคลัง ธปท. ธนาคารพาณิชย์ไทย สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ ได้ร่วมพัฒนาบริการพร้อมเพย์ เพื่อเป็นระบบพื้นฐานรองรับบริการโอนและชำระเงินของประเทศ ซึ่ง ธปท. ได้ติดตามการพัฒนาและทดสอบระบบพร้อมเพย์ของธนาคารที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือร่วมกันทุกสัปดาห์เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ระบบพร้อมเพย์เป็นโครงการขนาดใหญ่ มีธนาคารเข้าร่วม 21 ธนาคาร และมีช่องทางการให้บริการหลากหลาย ได้แก่ เอทีเอ็ม โมบายแบงกิ้ง และ อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง ตลอดจนมีผู้สนใจลงทะเบียนใช้บริการเป็นจำนวนมาก
จากการหารือร่วมกัน สมาคมธนาคารไทย ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ และบริษัทเอ็นไอทีเอ็มเอ็กซ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าของการทดสอบระบบ ได้เห็นร่วมกันว่า การทดสอบระบบให้รอบด้านและมีความพร้อมทุกธนาคารก่อนเปิดใช้บริการมีความสำคัญมาก เนื่องจากความปลอดภัย ความถูกต้อง
ด้านนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จากการที่ธนาคารต่าง ๆ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบพร้อมเพย์ เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานรองรับบริการโอนและชำระเงินของประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถรับเงินโอนได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งของผู้โอนและส่วนรวมของประเทศ ซึ่งทุกธนาคารได้ให้ความสำคัญและร่วมมือกับภาครัฐในการเร่งดำเนินการ โดยขณะนี้มี 21 ธนาคารเข้าร่วมโครงการ และจะให้บริการผ่าน 3 ช่องทาง คือ ATM, Mobile Banking และ Internet Banking
ปัจจุบันทุกธนาคารได้พัฒนาบริการพร้อมเพย์ในส่วนของแต่ละธนาคารแล้วเสร็จ และได้เริ่มเข้าสู่การทดสอบ โดยเป็นการทดสอบการเชื่อมโยงระบบระหว่างธนาคารต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ กับระบบกลางและการโอนเงินระหว่างธนาคารในรูป แบบต่าง ๆ ซึ่งพบว่าการทดสอบระบบเพื่อให้ครบทุกธนาคาร และทุกช่องทางที่ให้บริการ รวมทั้งให้ครอบคลุมกรณีตัว อย่างต่าง ๆ ใช้เวลามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเป็นระบบใหญ่ เชื่อมโยงหลายธนาคาร และมีช่องทางให้บริการที่หลากหลาย
สมาคมธนาคารไทยตระหนักว่าระบบที่ใช้ทำธุรกรรมทางการเงินของสถาบันการเงินถือว่ามีความสำคัญสูงสุด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมมือและทุ่มเทกำลังเพื่อทดสอบและปรับปรุงระบบให้สามารถเชื่อมต่อและทำรายการระหว่างธนาคารได้อย่างสมบูรณ์ รองรับรายการทางการเงินหลากหลายแบบได้ตามแผนที่วางไว้ โดยมุ่งให้ทุกธนาคารในโครงการสามารถเริ่มให้บริการได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
เพื่อให้มีเวลาในการทดสอบอย่างครบถ้วน ในการประชุมติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบพร้อมเพย์ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.59 สมาคมธนาคารไทย ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ และ NITMX จึงได้หารือกับ ธปท. ซึ่งได้ติดตามและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดมาตลอด และเสนอให้เลื่อนการเปิดบริการพร้อมเพย์สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลไปเป็นไตรมาสแรกปี 2560 เพื่อให้มีระยะเวลาเพียงพอสำหรับการทดสอบระบบให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดย ธปท. เห็นชอบด้วยกับการปรับแผนดังกล่าว เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างถูกต้อง ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจ และสามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคตได้ อย่างไรก็ดี ในส่วนของระบบการโอนเงินด้านสวัสดิการจากภาครัฐให้ประชาชนผ่านบริการพร้อมเพย์ สามารถให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปี 59 นี้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธุรกรรมชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีทิศทางเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี ในขณะที่ประชาชนผู้ใช้ บริการก็มีความคาดหวังที่จะได้รับบริการที่ทันสมัย สะดวก ปลอดภัยและถูกต้อง 100% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพสูง และทุกธนาคารก็มีเป้าหมายที่จะพัฒนาบริการพร้อมเพย์ให้เป็นบริการที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนคนไทยและมีความทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย โดยการทดสอบระบบอย่างละเอียด ครบถ้วน ตามแผนการทดสอบ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่าทุกธนาคารสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการพร้อมกันทั้งระบบได้อย่างราบรื่น และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.